'ไม่รู้ว่าไม่รู้' กับดักการพัฒนา

'ไม่รู้ว่าไม่รู้' กับดักการพัฒนา

ทุกหน่วยงานในวันนี้มีการพัฒนาความรู้ความสามารถของบุคลากรกันแทบทั้งนั้น

 แต่จากการวิจัยของบริษัทพัฒนาทรัพยากรบุคคลรายหนึ่งในสหรัฐ กลับพบว่า ที่ลงเงินทองกันไปเยอะแยะนั้น ยังมีคนกว่า 20% ที่ผ่านกระบวนการพัฒนาแล้ว แต่ยังไม่มีความรู้ความสามารถในเรื่องที่ได้รับการพัฒนา ซึ่งไม่ใช่มีเหตุมาจากวิธีการฝึกอบรมที่ไม่ดี แต่มีเหตุมาจากตัวคนที่เข้ารับการพัฒนา แต่ไม่ใช่เพราะความไม่ฉลาด หรือด้อยความสามารถแต่ประการใด

ดีทุกอย่างแต่พัฒนาไม่ขึ้น เพราะคนเหล่านั้นคิดไปเองว่าตนเองเก่งเรื่องนั้นอยู่แล้ว เลยทำตัวเหมือนน้ำเต็มแก้ว ใส่อะไรเข้าไปก็ล้นออกมาหมด ที่แย่ลงไปอีกคือ คนที่ออกอาการไม่รู้แล้วสำคัญผิดว่าตนเองรู้นั้นกลับไม่ใช่พนักงานตัวเล็กตัวน้อย กลายเป็นบรรดาคนสำคัญทั้งหลายในหน่วยงานเสียอีก

ถ้าเชื่อแนวคิดในเรื่องการพัฒนาความสามารถของคนให้สูงขึ้น ตาม Conscious Competence Learning Model ซึ่งมีคนเสนอมากว่าสิบปีแล้ว ที่บอกว่าจะพัฒนาใครให้เก่งเรื่องอะไรได้นั้น ก็ต้องเริ่มหาให้เจอก่อนว่าเขาไม่รู้อะไรบ้าง 

ถ้าถามเขาอาจไม่ได้ความจริง เพราะเขาเองก็ไม่รู้ตัวเองว่ายังไม่รู้อะไรบ้าง วันนี้ไปถามผู้บริหารว่าทราบหรือไม่ว่า 4.0 เป็นอย่างไร ผู้บริหารแทบทุกคนตอบเสียงดังฟังชัดว่า ฉันรู้ดีเรื่อง 4.0 

หน่วยงานหนึ่งพยายามยกระดับความสามารถในการจัดระบบน้ำเพื่อการเพาะปลูก ซึ่งเป็นความตั้งใจที่ดี เพราะรู้กันดีว่าน้ำเป็นปัญหาใหญ่ของภาคเกษตรมานานปี ความสามารถในการใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิผลจึงส่งผลดีต่อความสำเร็จของภาคเกษตร 

แต่งานนั้นไม่สำเร็จสักที เพราะมัวแต่พยายามให้การจัดระบบน้ำ ทั้งแปลงเล็กนิดเดียวไม่ถึงหนึ่งงาน กับแปลงใหญ่เป็นพันไร่ ต้องใช้การจัดเก็บข้อมูล และการจัดการน้ำโดยใช้อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั้งนั้น เพราะ 4.0 ของท่านคือจะทำอะไรก็ตาม ทุกอย่างต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต จะได้คำตอบจริงๆว่า อะไรรู้ อะไรไม่รู้ ต้องเฝ้าดูเอาเอง

เฉพาะคนที่รู้ตัวว่าไม่รู้ในเรื่องนั้นเท่านั้น ที่มีโอกาสขยับระดับความสามารถให้สูงขึ้นไป คือเริ่มจากตระหนักก่อนว่า ตัวฉันยังไม่รู้เรื่องนี้ ใจก็เปิดรับหนทางที่จะทำงานที่ตนเองไม่รู้ได้ ทำตามขั้นตอนที่บอกกล่าวไว้สักพัก ก็เริ่มทำได้โดยไม่ต้องเปิดคู่มือดูขั้นตอนต่างๆ อีกต่อไป ทำได้แบบขึ้นใจไปเลย 

ดังนั้นถ้าไม่สามารถขยับจากระดับที่ไม่รู้ว่าตนเองไม่รู้ ขึ้นมาเป็นรู้ว่าไม่รู้ได้ ก็เลิกคิดเรื่องการพัฒนาฝีมือในเรื่องนั้นไปได้เลย

 อาการไม่รู้ว่าไม่รู้มักเกิดกับเรื่องที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ใช้ไอโฟน 4 มานานปี ก็เลยคิดว่ารู้แล้วว่าไอโฟน 10 ทำอะไรได้บ้าง กลายเป็นซื้อของ 4 หมื่นมาใช้งานแค่หมื่นกว่า จะแก้เรื่องนี้ได้ต้องยอมรับกันใหม่ว่า โลกเราวันนี้ ใครๆ ก็ไม่รู้บางเรื่องได้ เลิกดูถูกคนที่ยอมรับว่ายังไม่รู้ 

นายใหญ่ไม่จำเป็นต้องรู้ไปหมดทุกเรื่อง นายใหญ่ทันสมัยได้แม้ว่าจะยอมรับว่า ยังไม่รู้อีกหลายอย่างในไอโฟน 10 โดยที่นายใหญ่เคยใช้ไอโฟนมานานปีแล้วก็ตาม 

คำตอบในเรื่องใหม่ใดๆ ไม่ใช่มีแค่ 2 ทางเลือก คือรู้กับไม่รู้ แต่ต้องบอกด้วยว่าเรื่องนี้ฉันคิดว่าฉันรู้ดี ด้วยความมั่นใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าบอกว่ามั่นใจเยอะในเรื่องนั้น แต่ผู้รู้บอกว่าที่ว่ารู้นั้นจริงๆ แล้วไม่ถูกเลย แสดงว่าเจอเรื่องที่คนนั้น ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้เข้าไปแล้ว ถ้าบอกว่ารู้จัก 4.0 แล้วยืนยันด้วยว่าระบบน้ำขนาดเล็กใหญ่ก็ต้องใช้ไอโอที ก็เตรียมหาทางสอนเรื่องใหม่ให้นายใหญ่ทราบได้เลย

ถ้าทุกคนช่วยกันคิดหาวิธีปรับปรุงการงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ โอกาสที่จะแก้ไขปัญหาไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ก็มีมากขึ้น มีอะไรใหม่เกิดขึ้นมา ก็ช่วยกันคิดค้นว่าจะเอาอะไรที่มาใหม่นั้นมาเพิ่มประสิทธิผล เพิ่มประสิทธิภาพงานที่ทำอยู่ได้อย่างไร มีโจทย์ชัดๆ ว่าอยากให้การงานดีขึ้นอย่างไร ความใส่ใจใฝ่รู้ในของที่มาใหม่นั้น ทำให้เกิดความพยายามร่วมกันมากขึ้นที่จะทำความเข้าใจกับทั้งงานเดิมและของใหม่ โอกาสที่จะเก่งขึ้นย่อมมากขึ้น

ขอให้เลิกเชื่อกันสักทีเถอะว่านั่งเก้าอี้ตัวใหญ่แล้ว เก้าอี้ตัวนั้นจะทำให้รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง