เมื่อบิตคอยน์ ครบ 21ล้านเหรียญ

เมื่อบิตคอยน์ ครบ 21ล้านเหรียญ

ไม่กี่วันที่ผ่านมา บิตคอยน์ ไม่เพียงแต่จะได้สร้างประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่ง จากการที่ราคาได้ทะยานสูงขึ้น จนทะลุ 11,000 ดอลลาร์

แต่แล้วก็ยังคงได้สร้างประวัติการณ์อีกครั้งหนึ่ง อีกเช่นกัน จากการที่ต้องสูญเสียมูลค่า 20% ใน 90 นาที ในวันเดียวกัน เมื่อราคาของ บิตคอยน์ ที่ได้ลดลงเหลือ 9,000 ดอลลาร์

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ บิตคอยน์ ต้องสูญเสียมูลค่า 20% ทันทีหลังจากที่ได้สร้าง “New High” ซึ่งทุกครั้ง จะต้องมีนักวิจารณ์ที่ได้ออกมาตอกย้ำว่า ราคาของ บิตคอยน์ คือฟองสบู่ที่จะต้องแตก ไม่ว่าช้าหรือเร็ว

อย่างไรก็ดี นักวิจารณ์เหล่านี้ ก็ได้ออกมาเตือน ตั้งแต่ บิตคอยน์ มีราคาไม่ถึง 1,000 ดอลลาร์ และที่ผ่านมา ราคาของ บิตคอยน์ ก็ได้ฟื้นตัวทุกครั้ง ล่าสุดก็ได้สูงจนทะลุ 11,000 ดอลลาร์ไปอีกครั้งหนึ่งแล้ว

เมื่อมองที่การเคลื่อนไหวของราคาแต่เพียงอย่างเดียว อุปมาเช่นการเก็งกำไรในตลาดหุ้น ด้วยการพิจารณาแต่เพียงเทคนิคของราคา อาจทำให้เชื่อว่า บิตคอยน์ นั้น เป็นสิ่งที่น่าลิ้มลอง

และเมื่อประจวบกับ ข้อกำหนดที่ว่า บิตคอยน์ จะไม่มีเกิน 21 ล้านเหรียญ อาจทำให้ยิ่งเชื่อว่า บิตคอยน์ นั้นมีพื้นฐาน (Fundamentals) ที่มั่นคง เว้นแต่เพียงความเสี่ยงทางกฎหมาย ที่ทยอยผ่อนคลายไปทีละเปลาะ เมื่อรัฐบาลของประเทศต่างๆ เริ่มมีนโยบายที่ชัดเจน ทางด้าน บิตคอยน์ มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม Fundamentals ที่แท้จริง ซึ่งเป็น Fundamentals ที่น่าสะพรึงกลัว และยังเป็น Fundamentals ที่ยังไม่มีคำตอบ ก็คือ อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อ บิตคอยน์ มีครบ 21 ล้านเหรียญ

การกำหนดให้ บิตคอยน์ มีไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ นั้น มีแนวคิดที่คล้ายกับมาตรฐานทองคำ ที่มาจากหลายศตวรรษก่อนหน้า ที่ตรึงปริมาณของธนบัตร ไว้กับปริมาณของทองคำที่รัฐบาลได้สำรองเก็บไว้ในคลัง เพื่อป้องกันการพิมพ์ธนบัตรใหม่อย่างขาดการควบคุม ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของภาวะเงินเฟ้อและการสูญเสียมูลค่าของสกุลเงิน

ดังนั้นการกำหนดให้ บิตคอยน์ มีไม่เกิน 21 ล้านเหรียญ เป็นการป้องกันไม่ให้ บิตคอยน์ เกิดภาวะเงินเฟ้อและการสูญเสียมูลค่าของสกุลเงิน

แต่ถึงกระนั้น นั่นเป็นเพียงการเล่าเรื่องเพียงแค่ด้านเดียว ในขณะที่ Fundamentals ที่แท้จริง อีกด้านหนึ่ง ซึ่งหมายถึงเสถียรภาพของ บล็อกเชน ทั้งระบบของ บิตคอยน์ ที่ประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์ นับล้านเครื่อง ที่ร่วมคำนวณการซื้อขายทั้งหมดของ บิตคอยน์ คอมพิวเตอร์ เหล่านี้ ทำงานอย่างประชาธิปไตย ซึ่งไม่เพียงแต่จะร่วมคำนวณการซื้อขาย แต่ยังคงใช้วิธีโหวต เพื่อตรวจสอบการคำนวณที่ผิด 

ทั้งนี้ บล็อกเชน ของ บิตคอยน์ จะยังคงมีเสถียรภาพ ตราบเท่าที่ 50% ของคอมพิวเตอร์ ที่ร่วมคำนวณบล็อกเชน ยังคงทำงานอย่างถูกต้อง ไม่คำนวณผิดพลาด หรือถูกครอบงำโดยผู้ที่ประสงค์จะมีอำนาจเหนือระบบ ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ ทั้งหมด ที่ร่วมคำนวณ บล็อกเชน ต่างได้รับผลตอบแทน ด้วยการกำเนิดใหม่ของ เหรียญบิตคอยน์ ที่ให้เป็นรางวัลกับผู้ที่ร่วมคำนวณ 

ปัจจุบันยังคงมีการเกิดใหม่ของ เหรียญบิตคอยน์ อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นรางวัลที่คุ้มค่า สำหรับผู้ที่จะลงทุนคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาร่วมคำนวณ โดยการลงทุนประกอบไปด้วย คอมพิวเตอร์ เครื่องทำความเย็น เน็ตเวิร์คและค่าไฟฟ้า ซึ่งตราบเท่าที่ เจ้าของคอมพิวเตอร์เหล่านี้ ได้เหรียญบิตคอยน์ ในปริมาณที่เพียงพอ และ บิตคอยน์ มีมูลค่าที่สูงพอ คอมพิวเตอร์เหล่านี้ ก็จะยังคงร่วมคำนวณต่อไป

ในปัจจุบัน มีการสร้าง บิตคอยน์ มาแล้ว กว่า 16 ล้านเหรียญ ยังคงเหลืออีกเกือบ 5 ล้านเหรียญ ที่สามารถเป็นรางวัลให้กับผู้ที่ร่วมคำนวณ บล็อกเชน ได้ หรือคิดเป็น 55,000 ล้านดอลลาร์ จากมูลค่าของบิตคอยน์ ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีได้มีการประมาณการว่า บิตคอยน์ จะ ครบ 21 ล้านเหรียญ ใน ปี 2040 หรือ อีก 22 ปีข้างหน้า ถึงแม้อาจมองได้ว่า เป็นระยะเวลาอีกยาวนาน แต่อัตราการเกิดใหม่ของ บิตคอยน์ ก็ได้ถูกกำหนดให้ลดลงไปเรื่อยๆ แล้ว และในช่วงไม่กี่ปีสุดท้าย ก็จะลดลงไปกว่านี้มาก ซึ่งก็ต้องหมายถึงรางวัลของผู้ที่ร่วมคำนวณ ที่จะลดลงไปเรื่อยๆ แม้ บิตคอยน์ จะยังไม่ ครบ 21 ล้านเหรียญ ก็ตาม

Fundamentals ที่น่าสะพรึงกลัว ก็คือ อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อผู้ที่ร่วมคำนวณ เริ่มถอนตัวออกจากบล็อกเชน ทั้งนี้ สิ่งสุดท้าย คงไม่ได้หมายถึง การล่มสลายของ บล็อกเชน ทั้งระบบ แต่อาจหมายถึง การเข้าครอบงำ บล็อกเชน โดยผู้ที่ประสงค์จะมีอำนาจเหนือระบบ เมื่อคอมพิวเตอร์ที่ร่วมคำนวณ บล็อกเชน เหลือน้อยเต็มที่ และ บิตคอยน์ ก็จะมิใช่สกุลเงินประชาธิปไตยอีกต่อไป และกลับเข้าสู่ระบบรวมศูนย์และกระจุกตัว ที่ไม่ต่างกับที่มาของสกุลเงินต่างๆ

ประเด็นนี้ มักไม่มีการพูดถึงกัน เพราะยังเป็น Fundamentals ที่ไม่มีคำตอบ ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น บางคนมองว่าอีกนานเกินไป และน้อยคนที่เริ่มมองหาทางออก แต่อย่างไรก็ตาม เป็นสิ่งที่ควรรู้ สำหรับผู้ที่จะลงทุนใน บิตคอยน์ ทุกคน