บลูเฮ้าส์ ก็ไม่ไหว บลูรูฟ ก็ไม่รอด

บลูเฮ้าส์ ก็ไม่ไหว บลูรูฟ ก็ไม่รอด

บลูเฮ้าส์ ก็ไม่ไหว บลูรูฟ ก็ไม่รอด

ปลายปีที่แล้ว ผมเล่าเรื่อง Blue House บ้านพักของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ซึ่งว่ากันว่ามีอาถรรพ์ เพราะประธานาธิบดีที่พักในบ้านหลังนี้ ต่างเผชิญชะตากรรมร้ายแรงกันมาแล้วหลายคน

ประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ ถูกขับไล่ ต้องลี้ภัยและตายในต่างประเทศ หลังจากนั้น ก็มีประธานาธิบดีที่ กระโดดภูเขาตาย ประธานาธิบดีอีก 2 คนที่ ติดคุก  ประธานาธิบดีที่ ถูกคนสนิทยิงตาย ขณะรับประทานอาหารด้วยกัน จนถึงประธานาธิบดีหญิงคนล่าสุด ซึ่งขณะนี้ ถูกกักขัง ในระหว่างดำเนินคดี... บ้านอะไรจะอาถรรพ์ขนาดนั้น

วันนี้ ผมจะพาคุณข้ามทวีป ไปรู้จักกับบ้านที่มีชื่อคล้ายกัน ไม่ถึงกับสีฟ้าทั้งหลัง แค่หลังคาสีฟ้า ก็เลยเรียกกันว่า “Blue Roof” เป็นบ้านพักของผู้นำประเทศ เช่นกัน

บ้านหลังนี้ จะเรียกว่าบ้าน ก็ไม่ถูกต้องนัก เพราะตั้งอยู่บนที่ดิน 111 ไร่  ฝรั่งไม่ได้เรียกว่า House แต่เรียกว่า Mansion บ้าง Palace บ้าง สะท้อนให้เห็นความยิ่งใหญ่ของสถานที่

ท่านผู้นำพำนักอยู่ที่นี่อย่างสงบ มาเป็นเวลานานหลายสิบปีแล้ว คฤหาสน์ราคากว่า 10 ล้านดอลล่าร์แห่งนี้ มีห้องนอน 25 ห้องนอน มีเฟอร์นิเจอร์หรูหรา และอุปกรณ์ทันสมัยทุกชนิด

ภริยาท่านผู้นำวัย 52 ปี ก็ทำตัวได้สมศักดิ์ศรี เธอมีรสนิยมสูง เป็นนักช้อปผู้ยิ่งใหญ่ ลูกค้าประจำรายสำคัญของแบรนด์หรูอย่าง Gucci, Salvatore Ferragamo, Prada, ฯลฯ มีร้านหรูที่เธอไปช้อปเป็นประจำ ในปารีส ลอนดอน โรม ฯลฯ

ก็จะทำไงได้ สามีวัย 93 ปี มีอำนาจปกครองประเทศมานานกว่า 30 ปี ทรัพย์สินเงินทองล้นเหลือ จะเก็บเงินไว้ทำอะไร ส่วนบุตรชายของท่านผู้นำ ก็มีลีลาชีวิต ที่ตามแนวแม่ไม่ผิดเพีี้ยน

มีเงินมาก ก็ไม่ต้องคิดมาก เจ้าหนุ่มน้อยลูกผู้นำ โพสท์คลิปลงในเฟซบุ้คของเขา ให้เห็นว่าเขาเปิดแชมเป็ญขวดละกว่า 15,000 บาท แล้วเทจนหมดขวด ลงไปบนนาฬิกาฝังเพชรที่ข้อมือของเขา นาฬิกาเรือนนั้น ราคาแค่ 2 ล้านบาท เท่านั้นเองครับ

ลำพังคลิปคงไม่สะใจ เจ้าหนุ่มจึงโพสท์ข้อความสั้นๆว่า นาฬิกาเรือนละ 2 ล้าน ก็เพราะพ่อฉันปกครองทั้งประเทศ เลยนะ!!!”

ถึงตรงนี้ บางท่านคงจะทราบแล้วว่า ผมกำลังพูดถึงผู้นำประเทศใด แต่ท่านที่ยังไม่ทราบ ก็บอกไว้ตรงนี้เลยว่า ที่ีนี่คือ ซิมบับเว ประเทศยากจนมากในทวีปอาฟริกา ภรรยาท่านผู้นำ มีชื่อแสนไพเราะว่า “Grace” ซึ่งแปลว่า “สง่างาม” และมีสมญาที่คนเรียกให้ไพเราะยิ่งขึ้นไปอีกว่า “Gucci Grace” ตาม “แบรนด์” ที่เธอนิยม

แต่วันนี้ ความสง่างามของเกรซ หมดสิ้นไปแล้ว สามีของเธอกลายเป็นอดีตผู้นำของประเทศ มากว่าหนึ่งสัปดาห์ อดีตประธานาธิบดีมูกาเบ้ ถูกทหาร ประชาชน และแม้กระทั่งพรรคของตนเอง กดดันทุกวิถีทาง จนต้องยอมลาออก

ปกครองประเทศมานาน 37 ปี อายุ 93 ใกล้ฝั่งเต็มที ลาภ ยศ สรรเสริญ และ ทรัพย์สินมีมากมาย แต่ยังไม่พอ พยายามจะส่งต่ออำนาจทางการเมืองให้ภรรยาสาววัย 52 ปี จนในที่สุดก็ต้องพ้นไปจากอำนาจ

เรื่องราวทำนองนี้ มีให้เห็นบ่อยครั้งในประเทศด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนา ที่เคยโด่งดังมาก่อนในเอเซียก็คือ นายเฟอดินัล มาร์กอส แห่งฟิลิปปินส์ และนายซูฮาร์โต้ แห่งอินโดนีเซีย

ส่วนไทยเรา แม้จะไม่ได้เป็นข่าวโด่งดังในระดับโลกนัก แต่เราก็เคยมีอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน ที่มีทรัพย์สินมากมาย และถูกรัฐบาลยึดทรัพย์มาแล้ว เช่นกัน

ซิมบับเว เป็นประเทศยากจน ผู้คนหิวโหยจำนวนมาก แต่ผู้นำประเทศ กลับเสวยสุขในแมนชั่นหรูหรา สมาชิกครอบครัวทำตัวเกินขอบเขต ผู้นำบริหารเศรษฐกิจจนล่มสลาย

ในทางเศรษฐศาสตร์ ถ้าอัตราเงินเฟ้อของประเทศใด สูงขึ้นถึงเลขสองหลัก ก็เป็นเรื่องที่น่าวิตกแล้ว แต่คุณเชื่อไหมว่า ซิมบับเว มีอัตราเงินเฟ้อไกลกว่านั้นเยอะ มันไม่ใช่เลขสองหลัก หรือสามหลักนะครับ มันเลยไปถึงสี่หลัก ห้าหลัก....จนคุณคงไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้!

ปี 2006 เงินเฟ้อ 1,281%  ปี 2008 เพิ่มเป็น 66,212% พอถึงเดือนกรกฏาคม ปี 2008 เท่ากับ 231,150,888% และเพิ่มเป็น 79,600,000,000% (อ่านว่า เจ็ดหมื่นเก้าพันหกร้อยล้านเปอร์เซ็นต์) ในเดือนพฤศจิกายน 2008!  

จนรัฐบาลต้องพิมพ์ ธนบัตรฉบับละ 1 พันล้านออกมาใช้ และเงิน U.S.$1.00 มีมูลค่าเท่ากับ Z$2,621,984,228 (อ่านว่า สองพันหกร้อยยี่สิบเอ็ดล้านฯ ซิมบับเวดอลล่าร์) คุณก็คงนึกภาพความลำบากของประชาชนได้อย่างชัดเจน เพราะแค่คิดเลข ก็จะเป็นลมแล้ว

แต่ผู้นำและครอบครัวกลับเสวยสุข ไม่คำนึงถึงความแร้นแค้นของประชาชน อย่างนี้ควรถูกไล่ออกไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว

มูกาเบ้ ก็เลยกลายเป็นตำนานของ “บลูรูฟ” คล้ายๆกับชะตากรรมของผู้นำเกาหลีใต้ ที่เคยอยู่ใน “บลูเฮ้าส์” มาก่อน บังเอิญเหลือเกินว่า คำว่า Blue ในภาษาอังกฤษ ก็แปลว่า “เศร้า” เสียด้วย

แต่จริงๆแล้ว ผมว่ามันไม่ใช่อาถรรพ์สีฟ้าอะไรหรอกครับ เรื่องอย่างนี้อธิบายได้ง่ายมาก มันเป็นเรื่องของ “กรรม” เท่านั้นเอง เพราะผู้นำที่หลงระเริงกับอำนาจ โกงชาติบ้านเมือง ไม่ใส่ใจในความยากลำบากของประชาชน ไม่ว่าจะอยู่บ้านสีอะไร หรือหลังคาสีอะไร ก็ต้องมีอันเป็นไป หนีกฏแห่งกรรมไม่พ้นทั้งนั้น

แต่เรื่องราวทำนองอย่างนี้ ก็ยังเกิดขึ้นเป็นระยะๆ เดี๋ยวที่นั่น เดี๋ยวที่โน่น เพราะพออำนาจมา ตาก็มัว สิ่งชั่วร้ายเข้าหา ชาวประชาทุกข์ยาก ลำบากจนต้องไล่ผู้นำ

รอบนี้เกิดที่ซิมบับเว รอบต่อไปจะเกิดที่ไหน ยังไม่มีใครรู้ แต่สำหรับบ้านเรา ปีหน้าจะเลือกตั้งกันแล้ว หวังว่าเรื่องราวอย่างนี้ รอบต่อไป อย่าได้เวียนมาถึงประเทศไทย ก็แล้วกัน