หาตัวเองให้เจอและยืดหยุ่นเสมอ

หาตัวเองให้เจอและยืดหยุ่นเสมอ

อีกองค์ประกอบหนึ่งสำหรับสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับทั้งตัวเราเอง และองค์กรคือการ “การรู้จักตัวเอง” เพราะการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องมีทั้งเป้าหมาย

การเดินหน้าไปสู่เป้าหมายจึงไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่รู้ว่าเป้าหมายนั้นสอดคล้องกับจุดแข็งของเราจริงหรือไม่ 

ประเด็นสำคัญสำหรับกรณีนี้คือความเป็นตัวเองของเรานั้น ไม่ได้อยู่ที่สิ่งที่เราคิดและอยากเป็นเสมอไป แต่เป็นภาพสะท้อนที่คนอื่นมองเข้ามาเห็นด้วย เหมือนที่เรามักจะเอ่ยชื่อคนนี้เมื่อนึกถึงความคิดสร้างสรรค์ หรือมีภาพของอีกคนหนึ่งขึ้นมาเมื่อนึกถึงการรักเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผู้บังคับบัญชาหรือเจ้านายก็เป็นคนเหมือนเรา จึงมองเห็นเราในมิติที่เขาสัมผัสได้ จึงขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่ามีจุดเด่นอะไร และได้แสดงให้คนรอบข้างเห็นจุดเด่นดังกล่าวบ้างหรือไม่ เพราะภาพลักษณ์ที่เกิดขึ้นต้องมาจากภายในตัวเราเองอย่างแท้จริง

การรู้จักตัวเองจึงต้องเชื่อมโยงกับจุดแข็งภายในตัวเราเอง ที่ต้องเปลี่ยนให้เป็นผลงานให้คนอื่นเห็น อย่าเป็นคนที่เก่งทุกเรื่องแต่ทำไม่สำเร็จสักเรื่องหนึ่งเพราะจะทำให้เราขาดโอกาสที่จะได้แสดงฝีมือในงานด้านที่ถนัดจริงๆ 

ข้อถัดมาคือ “อย่ากังวลกับสิ่งที่ควบคุมไม่ได้” เพราะการเปลี่ยนแปลงนั้นก่อให้เกิดความไม่แน่นอนรอบตัวเราเต็มไปหมด ทั้งที่เราจัดการได้ หรือกับสิ่งที่เราจัดการไม่ได้ การเฝ้ากังวลกับสิ่งที่เราจัดการไม่ได้ จึงไม่อาจช่วยให้อะไรดีขึ้น ซ้ำร้ายการวิตกเกินไป ส่งผลต่อการตัดสินใจของเราที่อาจทำให้ขาดประสิทธิภาพลงโดยไม่รู้ตัว

เพราะโลกหมุนเร็วขึ้น เศรษฐกิจผันผวน ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม และมีสิ่งใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา หากสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยให้เราวิตกกังวลก็ต้องลองคิดดูว่ายิ่งกลัว ยิ่งกังวลแล้วโลกจะหมุนช้าลงให้เรามีเวลาปรับตัวเยอะขึ้นไหม กังวลมากขึ้นแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้น และคู่แข่งจะอ่อนข้อให้เราไหม ตรงกันข้ามกับความพยายามเตรียมพร้อมให้ดีที่สุดโดยเฉพาะกับสิ่งที่เราจัดการได้ ซึ่งเราสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง อย่าปล่อยให้ความกังวลนั้นดับไฟที่เราจุดขึ้นมาในหัวใจเด็ดขาด

นอกจากนั้นคือ “มีความยืดหยุ่นสูง” ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่วนตัวหรือทำงานเป็นพนักงานประจำก็จะเป็นต้องพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะมาถึงอยู่เสมอ อย่ากลัวการย้ายแผนก เรียนรู้สิ่งใหม่เพิ่ม หรือการเพิ่มหน้าที่รับผิดชอบ เพราะทั้งหมดนี้ความความยืดหยุ่นที่จะทำให้เราปรับเปลี่ยนบทบาทให้รับสิ่งใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ความยืดหยุ่นจะทำให้เราพร้อมรับโอกาสที่เปิดอยู่ข้างหน้าเสมอ อย่ากลัวว่าจะทำไม่ได้ กลัวว่าจะต้องรับผิดชอบมากขึ้น ในขณะที่คนที่ไม่พร้อมก็จะปล่อยให้โอกาสผ่านไป และมักจะคิดว่าตัวเองขาดโอกาสทั้งๆ ที่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือไปไม่รู้กี่ครั้ง

องค์ประกอบสุดท้ายคือความ “ตั้งใจจริง” ซึ่งเรื่องนี้ผมต้องขอหยิบยกเอาทฤษฎี “แกงจืดไข่” จากประสบการณ์ของผมสมัยที่อยู่ในอเมริกา เป็นอาหารจีนแบบดั้งเดิม และได้ทานทุกครั้งที่ได้พบปะกับชาวไต้หวันในอเมริกาในวาระพิเศษต่างๆ ผมสังเกตพฤติกรรมอย่างหนึ่งที่จับตาดูมาหลายปี นั่นคือซุบหรือแกงจืดที่ได้ทานทุกปีนั้นทุกคนยืนยันว่าอร่อยมาก จนน่าจะเปิดภัตตาคารซึ่งน่าจะรวยมากแน่นอน เพราะเป็นซุปที่ชาวจีนนิยมกินกันมาก แต่ก็ไม่มีใครคิดจะทำอย่างจริงจัง ปล่อยให้เป็นการพูดถึงเฉยๆ

ดังนั้น การพูดแต่ไม่ลงมือทำหรือไม่เอาจริงเอาจังจึงทำให้เราขาดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จอย่างที่เคยคิดเอาไว้แม้จะเป็นคนเก่งแค่ไหนก็ตาม เพราะการลงมือทำจะเป็นการพิสูจน์ฝีมือและเปิดประตูสู่ความสำเร็จ ควรรีบลงมือทำและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ความคิดนั้นเป็นเป้าหมายและผลักดันตัวเองสู่เป้าหมายนั้นให้ได้ในท้ายที่สุด