บีดีเอ็มเอส เปิดศูนย์ใหม่ คาดฉุดกำไรขั้นต้น

บีดีเอ็มเอส เปิดศูนย์ใหม่  คาดฉุดกำไรขั้นต้น

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 13.30-14.00 น.

นับถอยหลังสำหรับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการของ โครงการศูนย์การแพทย์ขนาดใหญ่ ‘BDMS Wellness Clinic ‘ ช่วงต้นปี 2561 ของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS หลังจากทุ่มเงินกว่า 10,800 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างโรงแรม ปาร์ค นายเลิศ ไปตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งถือว่าเป็นดีลการซื้อกิจการที่สร้างความฮือฮาไม่น้อยเพราะเฉลี่ยค่าที่ดินตก 1.8 ล้านบาทต่อตารางวา

เป้าหมายของโครงการดังกล่าวเพื่อรับกับสังคมผู้สูงวัย ที่ทุกวันนี้ประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัวแล้ว ซึ่งตามแผนงานจะมีการเปิดบริการบางส่วนในช่วงไตรมาส 4 ปี 2560 และจะเปิดเต็มรูปแบบในครึ่งปีแรกปี 2561

การให้บริการประกอบไปด้วย 8 คลีนิค ซึ่งที่เปิดให้บริการก่อนคือ คลีนิคชะลอวัย คลีนิคกล้ามเนื้อและกีฬา ส่วนที่เหลือประกอบไปด้วย คลีนิคหัวใจ ,คลีนิคเส้นประสาท ,คลีนิคทางเดินอาหาร ,คลีนิคทรวงอก ,คลีนิคสืบพันธ์ และคลีนิคทัตกรรม และยังมีที่พักฟื้นฟูร่างกาย บนพื้นที่15 ไร่ ในใจกลางเมืองซึ่งเต็มไปด้วย พื้นที่สีเขียว ซึ่งใช้เป็นจุดขายที่สำคัญให้กับกลุ่มลูกค้า

เมื่อดูจากการลงทุนจำนวนที่สูงขนาดนี้ทำบริษัทต้องอาศัยแหล่งเงินทุนจากการออกหุ้นกู้ หุ้นกู้แปลงสภาพ เงินกู้ระยะสั้นและระยะยาวจากสถาบันการเงิน ให้รอบ 9 เดือนปี 2560 บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนขยับมาอยู่ที่ 0.7 เท่า

รวมทั้งยังมีความกังวลใจการเปิดให้บริการด้วยการปรับราคาบริการที่สูงขึ้น จากการบอกรับผ่านการเป็นสมาชิก ซึ่งบริการดังกล่าวถือว่าเป็นเรื่องใหม่ในการต่อยอดด้านสุขภาพที่กลุ่มโรงพยาบาล กรุงเทพ ที่ดำเนินการอยู่แล้ว แต่ยังไม่มากเพียงแค่ 20 %

อย่างไรก็ตามจากผลประกอบการในงวดเดียวกัน BDMS สามารถสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ในระดับ 7,672 ล้านบาท หลังจากการฟื้นตัวของผู้ป่วยช่าวต่างชาติ เพิ่มขึ้น 8 % และผู้ป่วยคนไทย เพิ่มขึ้น 6 %

ตัวเลขรายได้อยู่ที่ 58,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อน และกำไรสุทธิ 8,180.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28 % หากเมื่อหักรายการพิเศษจากการรับรู้รายได้ขายเงินลงทุนในบริษัทย่อย คือ บริษัทโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ทำให้กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 5,986 ล้านบาท ลดลง 4 % จากงวดเดียวกันปีก่อน

โดยกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่ฟื้นตัวมาจากกลุ่มตะวันออกกลาง จีน และออสเตรเลีย ซึ่งแบ่งรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติมาจาก ญี่ปุ่น 2.3 % เมียนมาร์ 1.8 % สหรัฐอาหรับเอมิเรต 1.7 % อังกฤษ 1.6 % และจีน 1.6 %

นอกจากนี้การกระจายของฐานรายได้ ยังเน้นไปที่กลุ่มผู้ป่วยชำระด้วยเงินสด 60 % ของรายได้ ที่เหลือเป็นผู้ป่วยมีประกัน 26 % ผู้ป่วยที่ทำสัญญาไว้กับโรงพยาบาล 9 % อื่นๆ 4 % และประกันสังคม 1 %

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เคจีไอ (ประเทศไทย) ปรับเป้าหมายราคาหุ้น BDMS ขึ้นเป็น 25 บาท เพื่อสะท้อนมุมมองผลการดำเนินงานปี 60-61 มีกำไรที่ 10,600 ล้านบาท และ 9,160 ล้านบาท หลังจากกำไรรอบ 9 เดือนออกมาคิดเป็นประมาณการ 77 % ของทั้งปี ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นขยับเพิ่มขึ้นเป็น 32.3 %

ปัจจัยสนับสนุนคือจำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกเติบโต 18 % จากปีก่อน และ ผู้ป่วยจีนเติบโต 27 %จากปีก่อน กลุ่มโรงพยาบาลใหม่อาจจะถึงจุดคุ้มทุนทำกำไรก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี หลังจากซื้อกิจการ เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพ เชียงใหม่ โรงพยาบาลกรุงเทพ อุดร เป็นต้น

ส่วนการเปิดตัว ‘BDMS Wellness Clinic ‘ น่าจะฉุดกำไรในระยะสั้น หลังจากเปิดตัวในระยะแรกซึ่งเป็นตัวจำกัดการเติบโตของอัตรากำไรขั้นต้นในสองปีแรกที่เปิดให้บริการ ปัจจุบันมีสมาชิกเข้ามาแล้ว 100 ราย จากเป้าหมายเพิ่มจำนวนสมาชิกเป็น 300 รายในระยะยาว

บล.หยวนต้า ให้น้ำหนักแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ปี 2560 ดีต่อเนื่อง จากทั้งคนไข้ต่างชาติและคนไทยที่เพิ่มขึ้น โดยในเดือน ต.ค. – พ.ย. มีรายได้เพิ่มขึ้นราว 6 % จากปีก่อน และมีการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวดต่อเนื่องจากไตรมาสก่อน

ทั้งปีคาดกำไรจากการดำเนินงานทรงตัวจากปีก่อนที่ 8,101 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกำไรพิเศษในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 ทำให้กำไรสุทธิในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 23 % จากปีก่อน เป็น 10,296 ล้านบาท

บริษัทยังมีแผนเปิดโรงพยาบาลใหม่เป็น 50 แห่งภายใน 2-3 ปีข้างหน้าบวกกับไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่เหมือนช่วงที่ผ่านมาทำให้กระแสเงินสดกลับมาเป็นบวกและมีโอกาสปรับเพิ่มจ่ายปันผลจากปัจจุบันจ่ายที่ 50 % ของกำไรรวม