แกะรอยสมคิด พรรคใหม่คนเก่า
ปรับคณะรัฐมนตรีเที่ยวนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดชัดเจนว่า ไม่ปรับทีมเศรษฐกิจ ย่อมหมายความ
“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” จะยังอยู่ในตำแหน่งเดิม
ณ วันนี้ ในบทแม่ทัพใหญ่ฝ่ายเศรษฐกิจ “สมคิด” ออกเดินสายขายฝัน และถูกฝ่ายตรงข้ามหยิบฉวยเอาบางวลีมาขยายความเชิงลบ แต่ดูท่าจะหยุดผู้ชายคนนี้ไม่อยู่เสียแล้ว
ย้อนดูเส้นทาง “จอมยุทธ์หั่งกวง” นับแต่แยกทางจาก “ทักษิณ” เมื่อสิบปีที่แล้ว ระหว่างปี 2550 สมคิดซุ่มซ่อน “สะสมเครือข่ายสายสัมพันธ์” โดยตั้ง “กลุ่มธรรมาธิปไตย” เชื่อมร้อยกับกลุ่มต่างๆ ที่แตกตัวออกมาจากพรรคไทยรักไทย
ตอนแรกกลุ่มธรรมาธิปไตยเหมือนจะรวมตัวกับ“กลุ่มมัชฌิมา”ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน แต่ไม่ทราบว่าติดขัดปัญหาอันใด พรรคการเมืองสองนครา ตามแนวคิดของ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ จึงไม่เกิดขึ้น
ใกล้ฤดูหาเสียงปลายปี 2550 สมคิดโผล่ไปร่วมก่อตั้ง “พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา” ที่มี ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์, เอนก เหล่าธรรมทัศน์, พิจิตต รัตตกุล และ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ เป็นแกนหลัก
แม้พ่ายในสนามเลือกตั้ง แต่นักคิดเชิงยุทธศาสตร์แบบสมคิดไม่ได้หยุดเคลื่อนไหว จับมือนพ.ประเวศ วะสี ก่อตั้ง“มูลนิธิสัมมาชีพ”
จริงๆแล้ว มูลนิธิสัมมาชีพ ก็คือจุดนัดพบของภาคประชาสังคมกับภาคธุรกิจ เพื่อสร้าง “เศรษฐกิจติดแผ่นดิน” ตามแนวคิดหมอประเวศ แต่สมคิดนำมาขยายต่อเป็น “ประชารัฐ”
“สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รมช.พาณิชย์ ก็คือประธานคณะกรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพในยุคแรกๆ และไม่น่าแปลกใจที่สมคิดจะวางตัวให้ “สนธิรัตน์” เป็นขุนพลเศรษฐกิจรากหญ้า โดยงัดกลยุทธ์ “บัตรเติมเงิน” มาใช้ในนามบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
ทุกวันนี้ สมคิดมีเครือข่ายด้านสื่อ ไม่เฉพาะสื่อของรัฐ ขุนทัพเศรษฐกิจจึงพร้อมเปิดยุทธการแอร์วอร์ ขายฝันประชารัฐ ขายยุทธศาสตร์ประชานิยม 4.0
ปี 2561 สมคิดจึงประกาศเป็นรุกใหญ่ กระตุ้นศรษฐกิจรากหญ้า ปูพรมประชานิยมเต็มสูบ ก่อนประกาศวันเลือกตั้ง
จอมยุทธ์หั่งกวง จะเล่นการเมืองหรือไม่? ไม่ต้องค้นหาคำตอบ เพราะคงรอแค่จังหวะ และเวลาที่เปิดตัวเท่านั้นเอง