ญี่ปุ่นร่างแผนเตรียมรับ ‘ภาวะฉุกเฉิน’ ในคาบสมุทรเกาหลี

ญี่ปุ่นร่างแผนเตรียมรับ ‘ภาวะฉุกเฉิน’ ในคาบสมุทรเกาหลี

สงครามจะเกิดในคาบสมุทรเกาหลีหรือไม่ แต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็เตรียมการตั้งรับ “ภาวะฉุกเฉิน” หากเกิดความวุ่นวายในเกาหลีเหนือแล้ว

แผนผังนี้บอกชัดเจนว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะส่งเรือลาดตระเวณไปประจำการใกล้ ๆ กับชายฝั่งเกาหลีเหนือในบริเวณทะเลญี่ปุ่น และเกาะคิวชิว หากเจอคนเกาหลีเหนือหนีตายจากเหตุการณ์ร้ายแรงก็ให้รับไป ณ ท่าเรือที่จะเตรียมเอาไว้สำหรับการพำนักชั่วคราวจนกว่าจะมีมาตรการต่อเนื่อง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสถานการณ์ในขณะนั้น

ญี่ปุ่นร่างแผนเตรียมรับ ‘ภาวะฉุกเฉิน’ ในคาบสมุทรเกาหลี

ฝ่ายความมั่นคงของญี่ปุ่นกลัวว่าหากเกิดเหตุการอพยพหมู่จากเกาหลีเหนือ อาจจะมี สายลับโสมแดงซ่อนตัวมากับชาวบ้านเพื่อทำการสอดแนมข่าวกรองในญี่ปุ่นด้วยจึงต้องหาทางป้องกันไม่ให้ “ผู้ต้องสงสัย” เหล่านี้หลุดรอดเข้าไปในญี่ปุ่นขณะที่เกิดความสับสนวุ่นวาย

ญี่ปุ่นประเมินว่าหากสหรัฐฯโจมตีเกาหลีเหนือทางทหาร จะเกิดสภาพที่คนเป็นแสน ๆ คนพากันอพยพหนีภัยทางเรือและวิธีการอื่น ๆ เข้าสู่ญี่ปุ่น

หน่วยความมั่นคงญี่ปุ่นกลัวว่าหากเกิดเรื่องอย่างนี้ เกาหลีเหนืออาจจะส่งสายสืบปนเข้ามากับชาวบ้านที่อพยพหนีตาย สายเหล่านี้อาจจะพยายามแทรกซึมเข้าในญี่ปุ่นเพื่อหาทางก่อวินาศกรรมต่อที่ตั้งทางทหารของอเมริกันในญี่ปุ่นเป็นการแก้แค้นก็ได้

ความจริง แผนลับของรัฐบาลญี่ปุ่นเคยร่างกันมาครั้งหนึ่งเมื่อปี 1994 ซึ่งข่าวกรองบอกว่าเป็นจังหวะที่อเมริกาวางแผนจะโจมตีเกาหลีเหนือเพื่อโค่นระบอบตระกูลคิมในขณะนั้น

ในช่วงนั้น อเมริกายังเชื่อว่าเกาหลีเหนือไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ในระดับที่พัฒนาถึงขั้นจะทำให้เกิดความเสียหายกับประเทศใกล้เคียงได้

แต่วันนี้ สถานการณ์มาถึงจุดที่แม้แต่เสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯกับหน่วยข่าวกรองญี่ปุ่นและเกาหลีใต้เชื่อว่าเกาหลีเหนือได้พัฒนาอาวุธร้ายแรงถึงจุดที่อาจจะยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ไกลถึงสหรัฐฯได้แล้ว

หรือถ้ายังทำไม่ได้วันนี้ก็อาจสามารถบรรลุเป้าหมายของการสร้าง Intercontinental Ballistic Missile (ICBM) ได้ในเวลาอีกไม่นานนี้

ล่าสุด ภาพถ่ายทางอากาศบอกว่าเกาหลีเหนืออาจจะกำลังพัฒนาเรือดำน้ำติดขีปนาวุธนิวเคลียร์อย่างคึกคักและเร่งด่วน

ข่าวกรองทั้งหมดนี้ทำให้สหรัฐฯและพันธมิตรญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต้องเตรียมแผนฉุกเฉินเรื่องตั้งรับสถานการณ์ที่ “อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้” จากนี้ไป

เพราะล่าสุดยังไม่มีสัญญาณไม่ว่าจากสหรัฐฯหรือเกาหลีเหนือที่จะยอมตามข้อเสนอของจีนและรัสเซียที่ให้ทั้งสองฝ่าย กดปุ่ม pause” พร้อม ๆ กัน เพื่อหาทางเจรจาภายใต้เงื่อนไขที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่าย

เมื่อไม่มีสัญญาณจากเปียงยางใด ๆ ก็ย่อมแปลว่าโอกาสที่ความตึงเครียดจะแปรเป็นความขัดแย้งอย่างเปิดเผยทางทหารก็มีสูงขึ้นกว่าเดิมไม่น้อย

นี่เป็นสาเหตุที่รัฐบาลญี่ปุ่นบอกกล่าวกับประชาชนของตนว่าได้เตรียม “แผนฉุกเฉิน” เพื่อรองรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ได้ และหากมันตูมตามขึ้นมา, ญี่ปุ่นก็จะเป็นด่านหน้าของปัญหา “คลื่นมนุษย์” ที่อาจจะพัดพามาทุกทิศทุกทาง

หลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ยังไม่มีอะไรน่ากลัวมากเท่ากับการเผชิญหน้าในคาบสมุทรเกาหลีวันนี้เลย