ปัดฝุ่น2คดี แยก‘ทักษิณ’ พ้นการเมือง !!?

ปัดฝุ่น2คดี แยก‘ทักษิณ’ พ้นการเมือง !!?

วานนี้ วันชาติ สันติกุญชร โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นำทีมโฆษกกันแถลงมติอัยการสูงสุด ให้“ปัดฝุ่น”คดี ทักษิณ ชินวัตร

หลัง พ.ร.ป.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำเเหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560 ( วิ อม.) มีการเเก้ไขบทบัญญัติให้สามารถดำเนินกระบวนพิจารณาลับหลังโดยไม่มีตัวจำเลยได้ มีผลบังคับใช้

กรณีนี้อัยการสูงสุดตรวจสอบในสารบบแล้ว พบคดีที่ถูกฟ้องต่อศาลไว้แล้วรวม 2 สำนวน 

คือคดีหมายเลขดำ อม.9/2551 ที่กล่าวหานายทักษิณ ทุจริตออกกฎหมายแปลงสัมปทานโทรคมนาคมและมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต 

และคดี อม. 3/2555 กล่าวหานายทักษิณ ร่วมทุจริตการปล่อยกู้ ของธนาคารกรุงไทยฯ ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ซึ่งทั้ง 2 คดีศาลได้สั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เนื่องจากจำเลยหลบหนี

กระบวนการหลังจากนี้ เมื่ออัยการยื่นคำร้องขอให้ศาลฎีกาฯพิจารณาคดีลับหลัง

นายทักษิณ สามารถแต่งตั้งทนายความเข้ามาร่วมฟังการพิจารณาคดีได้ ส่วนเรื่องพยานหลักฐานที่จะไต่สวนก็ว่ากันไปตามสำนวน

ถือเป็นการปัดฝุ่นนำทั้ง 2 คดีกลับเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตั้งแต่เริ่มต้นอีกครั้ง

ขณะนี้อัยการสูงสุดได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ความยาวประมาณ 5 - 6 หน้า ไปเป็นที่เรียบร้อย

เนื้อหาบรรยายถึงเหตุผลในการร้องขอให้มีการพิจารณาคดีของนายทักษิณ หลังจากที่ถูกจำหน่ายไว้ชั่วคราวเนื่องจากมีการเเก้ไขกฎหมายใหม่

ทั้งนี้ ก็อยู่ที่ศาลฎีกาฯ ว่าจะมีความเห็นเป็นอย่างไร

กรณีนี้หากพิจารณาในทางสังคม เมื่อกระทำความผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาโทษ และเมื่อคำพิพากษาออกมาอย่างไรก็ต้องเคารพตามนั้น

เป็นกติกาทางสังคมที่รับรู้กันโดยทั่วไป

เพียงแต่ที่ผ่านมามักเกิดคำถาม และถ้อยคำเสียดสีว่าเมื่อเกิดคดีความ “คนรวย”และ“คนมีอำนาจ”มักไม่ต้องติดคุก

เสมือนว่าคุกมีเอาไว้ขังเพียงเฉพาะคนจนเท่านั้น

ขณะเดียวกันเมื่อมองในทางการเมือง 

หากคำพิพากษาลับหลังชี้ว่านายทักษิณ มีความผิดไม่ว่าจะคดีหนึ่งคดีใด หรือทั้ง 2 คดี

ก็เท่ากับเป็นการตอกย้ำความพยามแยกทักษิณออกจากการเมืองและการเป็นผู้หนุนหลังเบื้องหลังพรรคการเมือง

ตามเจตนารมณ์ของ คสช.ที่ตั้งไว้แต่ต้น !!?