‘โดยสรุป’
ข่าวบอกว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้เปลี่ยนแปลงหลักการของการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง
โดยจะให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบก่อนเปิดเผย
ข่าวบอกด้วยว่าร่างกฎหมายลูกที่ ป.ป.ช. กำลังพิจารณานั้น คณะกรรมาธิการของ สนช. ก็ล้อตาม
ที่เป็นข่าวเพราะมีการแก้ไขให้เปิดเผยข้อมูลที่ว่านี้ “โดยสรุป” และห้ามเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
อ่านข่าวแล้วไม่ชัดเจนว่าที่ให้เปิดเผยข้อมูลบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ว่านี้ “โดยสรุป” นั้นสรุปตั้งแต่ต้นทางของผู้แจ้งบัญชี หรือสรุปโดย ป.ป.ช.
หลักการเดิมของรัฐธรรมนูญปี 2540 และ 2550 ให้นักการเมืองและข้าราชการตำแหน่งสูงต้องเปิดเผยข้อมูลว่าด้วยทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมด หากละเว้นก็จะถือว่าจงใจปิดบังซ่อนเร้น เป็นความผิดตามกฎหมาย
ที่สำคัญคือการเปิดเผยข้อมูลเช่นว่านี้ที่ผ่านมาให้ประชาชนสามารถเข้ามาขอดูและตรวจสอบเองได้โดยไม่ต้องให้ ป.ป.ช. หรือหน่วยงานใดตรวจสอบหรือกลั่นกรองแทนประชาชนก่อน
ผมไม่ทราบว่าเรื่องนี้ได้ดำเนินไปถึงไหน แต่หากเดินหน้าตามที่เป็นข่าว ก็จะมีคำถามมากมายตามมา
เช่นการรายงานทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง “โดยสรุป” แปลว่าอะไร?
ไฉนต้องให้ ป.ป.ช. มาตรวจกลั่นกรองก่อนที่ประชาชนจะมาตรวจเองได้?
และทำไมการกำหนดให้นักการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของร่างกฎหมายใหม่จึงเข้มข้นน้อยกว่ารัฐธรรมนูญฉบับก่อน ๆ ทั้ง ๆ ที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญอ้างว่าต้องการจะให้ประชาชนมีอำนาจมากขึ้น?
อะไรคือคำว่า “ข้อมูลส่วนบุคคล” ในการแจ้งทรัพย์สินและหนี้สิน?
การกำหนดให้นักการเมืองและข้าราชการระดับสูงต้องแจ้งทรัพย์สินและหนี้สินนั้นมาจากหลักการพื้นฐานที่ว่าท่านเหล่านั้นอาสามาทำงานให้กับสาธารณะ ไม่ได้มีใครบังคับมาให้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ เหล่านั้น ประชาชนคาดหวังในความโปร่งใสและเปิดเผย ดังนั้นทุกข้อมูลเกี่ยวกับทรัพย์สินและหนี้สินจึงเป็น “ข้อมูลอันพึงจะเป็นสาธารณะ” ไม่มีส่วนไหนที่จะอ้างได้ว่าเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล”
ดังนั้นหากเปิดทางให้แจ้งทรัพย์สินและหนี้โดย “โดยสรุป” จะเกิดคำถามว่าใครเป็นกำหนดว่า “โดยสรุป” นั้นกินความแค่ไหน และใครเป็นผู้นิยามว่าส่วนไหนเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล”?
ตามกติกาของ ป.ป.ช. ปัจจุบัน หนึ่งใน “ข้อควรระวังในการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน” บอกว่า
“...การยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินถือว่าเป็นหน้าที่เฉพาะตัวของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน หากจงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือจงใจยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ อาจต้องพ้นจากตำแหน่งและ ห้ามดำรงตำแหน่งเป็นเวลา ๕ ปี และได้รับโทษทางอาญาอีกด้วย (จำคุกไม่เกิน ๖ เดือน หรือปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)....”
วรรคที่ว่าด้วย...”ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ...” เป็นหัวใจของการกำหนดให้ผู้ที่ต้องแจ้งทรัพย์สินและหนี้สินต้องรับรู้ เพราะหากใครสามารถ “ปกปิด” ข้อมูลบางประการได้โดยอ้างว่าเป็น “ข้อมูลส่วนบุคคล” ก็จะทำให้กระบวนการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบของทั้งประเทศหมดความศักดิ์สิทธิ์ลงโดยพลัน
สรุปว่า “โดยสรุป” แปลว่าอะไร? ใครเป็นคน “สรุป”? และหากเป็นไปตามที่เป็นข่าว ประชาชนจะ “สรุป” ว่าอย่างไร?