เมื่อบัตรทองแท้ กลายเป็นบัตรทองปลอม

เมื่อบัตรทองแท้ กลายเป็นบัตรทองปลอม

มื่อครั้งยังเด็ก เคยอ่านบทพระราชนิพนธ์แปลของในหลวงพระองค์หนึ่ง จำไม่ได้ว่ารัชกาลที่เท่าไร อาจเป็นรัชกาลที่ 6 (ขออภัยถ้าจำผิด)

       เพราะเป็นเรื่องราวค่อนข้างสมัยใหม่ จำชื่อเรื่องก็ไม่ได้ แต่จำเรื่องราวได้อย่างดี ถึงทุกวันนี้

เรื่องมีอยู่ว่า ครอบครัวหนึ่งเป็นครอบครัวข้าราชการสมถะในการใช้ชีวิต ภรรยาเป็นแม่บ้านอย่างเดียว แต่ปฏิบัติงานบ้านไม่ขาดตกบกพร่อง ครอบครัวมีความสุข

วันหนึ่งสามีที่เป็นข้าราชการบอกกับภรรยาว่า ทางในวังจะจัดงานราตรีสันนิบาต และให้ข้าราชการนำคู่สมรสมาร่วมงานได้ จึงขอให้ภรรยาเตรียมตัวไปงาน

ภรรยาปลื้มปิติที่จะได้ไปออกงาน เพราะวันๆได้แต่ก้มๆเงยๆอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปสังคมกับใคร เสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ๆก็ไม่มี ยิ่งเครื่องประดับยิ่งไม่มีสะสมไว้เลย แต่ด้วยห่วงว่าสามีจะเสียหน้า ที่ภรรยาแต่งตัวไม่สมกับเป็นภรรยาข้าราชการในสำนัก จึงได้ไปขอยืมสร้อยทองคำจากคหปตนีที่รู้จักกัน ว่าขอยืมใส่สักวัน เมื่อเสร็จงานแล้วจะเอามาคืน สร้อยคอทองคำนั้นแม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีมูลค่ามากที่ข้าราชการต้องใช้เวลาเก็บหอมรอมริบกว่าจะซื้อได้สักเส้น

เมื่อถึงวันงาน สามีภรรยาก็ไปออกงานสังคม ผู้คนมากมาย ต่างแต่งตัวสวยงาม ฝ่ายภรรยาของข้าราชการชายแต่ละคนต่างมีเครื่องประดับพร้อมเสื้อผ้าอาภรณ์ เหมือนกับจะแข่งกันอยู่กรายๆ เมื่อเสร็จงาน คู่สามีภรรยากลับบ้านด้วยความสดชื่นอิ่มเอิบใจ

แต่ อนิจจา ภรรยาพบว่าสร้อยทองที่ขอยืมเขามานั้นได้หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าหายที่ไหน ตั้งแต่เมื่อไร และจะไปหาคืนได้อย่างไร

คนที่เป็นทุกข์ที่สุดคือตัวภรรยาที่ไปยืมสร้อยนี้มา และดูเหมือนจะไม่มีทางอื่นใดนอกจากจะต้องหาทางซื้อมาคืนให้เจ้าของผู้ให้ยืม ไม่เช่นนั้นก็คงจะถูกผู้คนติฉินนินทา และสามีข้าราชการก็คงจะเสียชื่อเสียงตามไปด้วย เมื่อไม่มีทางเลือก คุณภรรยาก็พยายามหาเงินเพิ่มโดยการรับจ้างทำงานทุกชนิดที่มีคนจ้าง เพื่อหาเงินให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด จะได้มีเงินไปซื้อสร้อยทองเส้นใหม่คืนเจ้าของ

การทำงานอย่างหามรุ่งหามค่ำทำให้ผู้เป็นภรรยาถึงกับซูบผอม ร่างกายทรุดโทรม หน้าดำคร่ำเครียด ผมเผ้ารุงรัง ไม่มีเวลาสวย ทุกเวลานาทีต้องทำงานหาเงินโดยเร็ว เพราะสัญญากับเขาว่าเสร็จงานจะรีบเอาสร้อยมาคืน

ในที่สุด ก็หาเงินได้มากพอ และไปซื้อสร้อยเส้นใหม่ นำไปคืนเจ้าของสร้อยผู้ให้ยืม

เจ้าของสร้อยเห็นคนที่ยืมสร้อยไปซูบผอมหน้าดำคร่ำเครียด จึงถามว่าเป็นอะไรไปถึงได้ซูบโทรมแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อครั้งมายืมสร้อยก็ดูสดชื่นแจ่มใสดี คุณผู้ยืมสร้อยก็อิดออดที่จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผู้ให้ยืมก็พยายามซักถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ในที่สุดผู้ยืมสร้อยก็บอกความจริงว่า เธอได้ทำสร้อยหายระหว่างไปงานเลี้ยงสันนิบาต จึงพยายามทำงานทุกอย่างเพื่อหาเงินมาซื้อสร้อยเส้นใหม่คืน จึงได้ซูบผอมแบบนี้

คหปตนีผู้ให้ยืมถึงกับตบอกผาง ก่อนที่จะพูดว่า แม่คุณเอ๊ย สร้อยทองนั้นมันเป็นสร้อยทองปลอม ไม่ใช่สร้อยทองแท้ ไม่มีราคาค่างวดมากนัก เพียงเพื่อใส่เพื่อสวยงามเล่นๆ สงสารแม่คุณจังเลย ต้องอดออมทำงานถึงซูบผอมเพื่อซื้อสร้อยทองแท้

เรื่องจบลงอย่างน่าเศร้า เหตุเพราะความเข้าใจผิดว่าสร้อยนั้นเป็นของแท้ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เป็นของปลอม

เรื่องของบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกโรคนั้น ก็ดูเหมือนจะเป็นบัตรทองปลอมหรือทองเก๊ มากกว่าที่จะเป็นบัตรทองแท้หรือทองจริง เพราะเมื่อเริ่มต้นนั้น ก็ดูเหมือนจะสร้างความปลื้มปิติของประชาชนผู้ยากไร้ที่จะได้มีความมั่นคงยามเจ็บป่วยเข้ารักษาพยาบาล และโรงพยาบาลผู้ให้บริการก็ทำงานด้วยความรู้สึกที่ดีที่ได้ให้บริการกับประชาชน

แต่ทองปลอมไม่เหมือนทองแท้ฉันใด บัตรทองปลอมก็ไม่เหมือนบัตรทองแท้ฉันนั้น

เพราะความไม่แท้นั้น ในที่สุดก็พ่นพิษออกมา โรงพยาบาลขาดทุนกันทั่วหน้า ประชาชนล้นหลามขอรับการรักษาพยาบาลทั้งที่จำเป็นจริงและไม่จำเป็นมากนัก เพราะทุกอย่างฟรีไปหมด ผลก็คือไม่ได้รับบริการที่ดีขึ้น เกิดความขาดแคลนแพทย์พยาบาลเครื่องมือหัตถการ อุปกรณ์ทางการแพทย์ แพทย์พยาบาลทำงานอย่างหนัก เมื่อรับไม่ไหวก็ลาออกไปทำงานกับภาคบริษัทเอกชน เกิดการฟ้องร้องดำเนินคดีโดยผู้ป่วยหรือญาติพี่น้องผู้ป่วยนับร้อยๆคดี อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเมื่อก่อนสิบห้าปีที่ผ่านมา

ความรักความสามัคคี ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ลดหายไปจากความสัมพันธ์ที่เคยดีระหว่างแพทย์พยาบาลกับประชาชน ทุกอย่างดูจะเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ

บัตรทองที่ไม่ใช่ทองแท้ ไม่ใช่ทองจริง เป็นแค่ทองเค เป็นเพียงการสร้างภาพที่ไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง ไม่สามารถรักษาได้ทุกโรค ไม่ได้ขจัดความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างเท่าเทียมกัน และมากสุดคือไม่ได้แก้ไขความเหลื่อมล้ำในสังคมที่รัฐบาลพยายามแก้ไขทุกวิถีทางได้เลย

เมื่อเริ่มต้น ดูเหมือนเราจะเดินถูกทาง แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป สังคมเปลี่ยน สภาพแวดล้อมเปลี่ยน เมื่อเราไม่แก้ไขก็เท่ากับเราเดินผิดทางและหันไปสู่เส้นทางแห่งความล้มเหลว อย่างที่เคยเรียกว่า ระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้าของเรา กำลังจะกลายเป็นหุบผามรณะ ซึ่งในที่สุดแล้วเมื่อระบบสาธารณะภาครัฐล้มเหลวจนยากจะแก้ไข ประชาชนคนรากหญ้าก็จะตกหน้าผาตายตามๆกัน

บัตรทองแท้ในอดีต จึงกลายเป็นบัตรทองปลอมด้วยประการฉะนี้