เมื่อศาลเขมรสั่งยุบพรรคฝ่ายค้าน ฮุนเซนก็กุมอำนาจเบ็ดเสร็จ
ศาลสูงของกัมพูชาตัดสินให้ยุบพรรคฝ่ายค้านแล้ว การเมืองเขมรก็จะยิ่งอยู่ในมือของฮุนเซนคนเดียวอย่างเหนียวแน่นยิ่งขึ้น
ฮุนเซนอยู่ในตำแหน่งมา 32 ปี
เป็นผู้นำอยู่ในอำนาจยาวนานอันดับสอง รองลงมาจากโรเบิร์ท มูกาเบของซิมบาบเว้ ในแอฟริกาที่ปกครองประเทศยาวนานที่สุดในโลกคือ 37 ปีและกำลังไม่รู้ว่าชะตากรรมเป็นอย่างไรหลังทหารกลุ่มหนึ่งเข้ายึดอำนาจ (แม้จะอ้างว่าไม่ใช่รัฐประหารก็ตาม)
การจัดการกับพรรค CNRP (Cambodia National Rescue Party) ที่เป็นหอกข้างแคร่ของฮุนเซนมาตลอดนั้นทำผ่านกระบวนยุติธรรม นั่นคือรัฐบาลฟ้องว่าพรรคนี้ “จับมือกับต่างชาติเพื่อล้มล้างรัฐบาลและบ่อนทำลายประเทศ”
ก่อนที่ศาลจะอ่านคำพิพากษาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ฮุนเซนประกาศด้วยความมั่นใจว่ายังไง ๆ พรรคฝ่ายค้านใหญ่จะต้องถูกยุบ
ที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือว่าผู้พิพากษาเจ้าของคดีนี้เป็นสมาชิกอาวุโสของพรรค Cambodia People’s Party (CPP) ของฮุนเซนด้วย
คำตัดสินนี้โยงไปถึงบทแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เพิ่งผ่านไปเร็ว ๆ นี้ มีผลให้ลูกพรรคสำคัญ ๆ 118 คน (รวมถึงหัวหน้าพรรคเก่าสม รังสีที่หลบไปอยู่ต่างประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว และเข็ม โสกาที่รับช่วงต่อมาและถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว) ห้ามมีกิจกรรมการเมือง 5 ปี
มีผลต่อมาว่าที่นั่ง 55 ที่ของพรรค CNRP ในรัฐสภาระดับชาติและ 489 ที่นั่งในสภาท้องถิ่นที่เกิดจากการเลือกตั้งเมื่อต้นปีนี้ก็พลอยหลุดหายไปด้วย
ทำให้ฮุนเซนสามารถจะแจกที่นั่งเหล่านี้ให้กับพรรคการเมืองต่าง ๆ มานั่งแทนตราบที่เขาเหล่านั้นพร้อมจะ “เชื่อผู้นำ ชาติพ้นภัย”
นั่นหมายความว่าฮุนเซนจะเป็นผู้มีอำนาจเต็มในทุก ๆ เรื่องของเขมรจากนี้ไป
ใครคัดค้านหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับการบริหารประเทศของเขาก็มีอันถูกจัดการไปเช่นกัน
เช่นหนังสือพิมพ์ Cambodia Daily รายวันภาษาอังกฤษเพิ่งต้องปิดตัวลงเพราะข้อหาเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเมืองโดยตรงและไม่มีใครสงสัยว่าเบื้องหลังการกดดันนั้นมาจากท่านผู้นำ
สถานีวิทยุหลายแห่งที่ถ่ายทอดรายการจาก Radio Free Asia และ Voice of America ภาษาเขมรก็ถูกสั่งปิด
ฮุนเซนอ้างว่ารายการวิทยุทั้งสองซึ่งสนับสนุนโดยงบประมาณรัฐบาลสหรัฐฯเป็นส่วนหนึ่งของแผนร้ายที่จับมือกับฝ่ายค้านเพื่อล้มล้างรัฐบาล
ฮุนเซนขยับเข้าใกล้จีนและต่อต้านสหรัฐฯเพราะปักกิ่งไม่ยุ่งกับการเมืองภายใน และทุ่มเงินช่วยเหลือเขมรเต็มตัว
นักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคมและเอ็นจีโอในเขมรถูกจับติดคุกเป็นลำดับ ทุกวันนี้จากที่ถูกข้อหาทั้งหมด 36 คนยังถูกจำขังอยู่ไม่น้อยกว่า 20 คน
เหตุผลของการ “กวาดล้าง” ฝ่ายค้านและผู้เห็นต่างของฮุนเซนรอบล่าสุดนี้มาจากความกลัวจะแพ้เลือกตั้งที่กำหนดจะจัดขึ้นปีหน้า
เพราะพรรค CNRP ทำท่าว่าจะได้คะแนนนิยมจากคนเขมรโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่มากขึ้นทุกขณะ
ผลการเลือกตั้งเมื่อปี 2013 ชี้ชัดว่าคนกัมพูชาต้องการความเปลี่ยนแปลงจากการปกครองระบอบ “ข้าฯใหญ่คนเดียว” เพราะคนเขมรเทคะแนนให้พรรคฝ่ายค้านมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ยิ่งพอมีการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อต้นปีหน้า ก็ยิ่งชัดว่ากระแสความต้องการของประชาชนที่ต้องการ “การเมืองทางเลือก” มีสูงขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ฮุนเซนหวั่นไหวหนัก
หากปล่อยให้ฝ่ายค้านสัมผัสกับประชาชนรากหญ้าได้มากขึ้น โอกาสที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทางการเมืองก็มีสูงมาก
การเมืองเขมรมีความพิสดารในตัวเอง ฮุนเซนกับสม รังสีแม้จะเป็นศัตรูคู่อาฆาตกัน บ่อยครั้งก็ทำท่าจะรอมชอม แต่เมื่อตกลงกันไม่ได้ก็ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดรุนแรงอย่างที่เห็นกัน
ที่แน่ ๆ คือทั้งฮุนเซนและสม รังสีต่างก็ใช้โซเชียลมีเดียโดยเฉพาะFacebook Live สื่อสารกับประชาชนด้วยการถ่ายทอดรายการสดพันตูกันอย่างคึกคักตลอดเวลา
ละครการเมืองเขมรร้อนแรงเต็มไปด้วยฉาก “ตบจูบ” ตลอดเวลา
ฉากล่าสุดนี้เอากันถึงเลือดสาดจริง ๆ!