Crystal Ball

สิ่งที่มนุษย์ไม่ชอบที่สุดคือความไม่แน่นอน เพราะไม่แน่นอนทำให้บริหารจัดการยาก มันนำมาซึ่งความเสี่ยง

ความเสี่ยงขึ้นกับระดับความไม่แน่นอน ความไม่แน่นอนสูง ความเสี่ยงยิ่งมาก

ความไม่แน่นอนสัมพันธ์กับมิติของเวลา สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเปลี่ยนไม่ได้ อดีตจึงแน่นอนที่สุด ปัจจุบันเป็น “จุดเวลา” ที่ตัดสินใจกระทำการ ไม่เกี่ยวกับแน่นอนหรือไม่แน่นอน แต่เกี่ยวกับมั่นใจหรือไม่มั่นใจ ส่วนอนาคตยังมาไม่ถึง จึงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน สิ่งที่มนุษย์ห่วงกังวลและอยากรู้มากที่สุดก็คืออนาคต

ความอยากรู้อนาคตอยู่ใน DNA ของมนุษยชาติ เพราะบรรพบุรุษของเราถือกำเนิดและอาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน เพื่อเอาตัวรอดให้ได้ ท่านต้องพัฒนาทักษะและความรู้ในการทำนายอนาคต เมื่อผ่านการทดสอบจากกาลเวลา มันกลายเป็นหลักวิชาสำคัญของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ได้เรียน มีเพียงชนชั้นผู้นำผู้ปกครองเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียนรู้ ผู้ที่สามารถมองเห็นและทำนายอนาคตได้ จึงเปรียบเสมือนมีลูกแก้ววิเศษอยู่ในกำมือ

Crystal Ball

โหราศาสตร์คือศาสตร์พยากรณ์เก่าแก่ที่สุด มนุษย์สร้างปฏิทินสุริยคติและทำนายฤดูกาลได้เมื่อ 12,000 ปีที่ผ่านมา มันก่อให้เกิดการปฏิวัติเกษตรกรรม มนุษย์หยุดเร่ร่อน ตั้งหลักปักฐาน และทำการเกษตร เมื่อความอุดมสมบูรณ์มากขึ้น ความเจริญก็ตามมา จนที่สุดก็พัฒนาไปเป็นชุมชนเมือง เช่น เมโสโปเตเมีย อินเดีย จีน ฯลฯ อารยธรรมสำคัญของมนุษยชาติเกิดขึ้นที่นี่

ถ้ามนุษย์ไม่มีความสามารถทำนายดินฟ้าอากาศและฤดูกาล ป่านนี้พวกเราคงมีวิถีชีวิตที่ไม่ต่างจากโฮโมซาเปียน (Homo Sapien) เมื่อ 250,000 ปีก่อนสักเท่าใด โหราศาสตร์มีอิทธิพลและความสำคัญต่อมนุษยชาติขนาดนี้ 

พยากรณ์ศาสตร์อีกแนวทางหนึ่งซึ่งน่าจะเกิดในเวลาใกล้เคียงกัน นั่นคือการหยั่งรู้ด้วยจิต นักบวชและผู้นำลัทธิศาสนาต่าง ๆ มักมีความสามารถนี้ โลกยุคโบราณเรียบง่ายและปราศจากสิ่งล่อตาล่อใจ จิตมนุษย์จึงสัมผัสธรรมชาติได้ง่ายและลึกซึ้ง ผู้ที่มีพลังจิตสูงหรือสมาธิกล้าแข็ง ย่อมตระหนักรู้ได้ด้วยตัวเองถึงพลังยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังธรรมชาติทั้งปวง เมื่อฝึกฝนจนแหลมคมและเชี่ยวชาญ จะกลายเป็นญาณหยั่งรู้อนาคต หรือ “อนาคตังสญาณ” นั่นเอง

อนาคตังสญาณเป็นคุณสมบัติของผู้บรรลุธรรมชั้นสูง เช่น พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย การณ์นี้ย่อมมีเหตุผล อนาคตมีทั้งดีและร้าย ดีทำให้ประมาทมัวเมา ร้ายทำให้เศร้าโศกเสียใจ หากปราศจากธรรมะคุ้มครองจิตใจและปัญญาญาณที่ยิ่งใหญ่ การมองเห็นอนาคตจะทำให้จิตติดขัดและจมอยู่ในกองกิเลส กลายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี  ธรรมชาติจึงกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อป้องกันมิให้คนทั่วไปต้องเผชิญกับอันตราย

การหยั่งรู้ด้วยจิตนี้มีพลังมาก โหราศาสตร์ไม่อาจทัดเทียมได้ ข้อจำกัดเพียงหนึ่งเดียวคือยากต่อการฝึกฝนปฏิบัติ ผู้บรรลุถึงมีน้อย พระอริยสงฆ์ปฏิบัติธรรมเพื่อความหลุดพ้น อนาคตังสญาณเป็นผลพลอยได้ ไม่ใช่จุดหมายที่แท้จริง ดังนั้น แม้รู้อนาคต ท่านอาจไม่กล่าวออกมา

ในปัจจุบันมีนักพยากรณ์หลายคนทำนายอนาคตด้วยจิต เช่นหมอดูชื่อดังชาวพม่า สำหรับฆราวาสคนธรรมดา การทำนายลักษณะนี้ยากจะชี้ชัดว่าเป็นการหยั่งรู้ด้วยจิตอย่างแท้จริงหรือไม่ มันอาจก้ำกึ่งคาบเกี่ยวกับสัมผัสที่ 6 ซึ่งเป็นผลจากบุพกรรมในอดีตที่ติดตัวมา ถ้าเป็นสัมผัสที่ 6 ย่อมไม่อาจถ่ายทอดแก่พี่น้องหรือผู้อื่นได้ จุดสำคัญที่ควรตระหนักคือ ความแม่นยำขึ้นกับสภาวะจิตและร่างกาย ถ้าจิตใจฟุ้งซ่านวุ่นวายหรือร่างกายเจ็บป่วย ความแม่นยำจะลดลงอย่างมาก

สัมผัสที่ 6 เป็นสิ่งมีจริง คนที่มีมักโน้มเอียงเข้าหาวิชาพยากรณ์ พวกเขาประสบความสำเร็จมากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะวิชาที่เรียบง่ายแต่เน้นการตีความ เช่น ไพ่ อี้จิง เซียมซี ฯลฯ วิชาพวกนี้มีลักษณะกึ่งเสี่ยงทาย เปิดไพ่แต่ละครั้ง หน้าไพ่ย่อมแตกต่างกัน (ต่างจากโหราศาสตร์ที่ผูกดวงกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม) การทำนายจึงจำกัดแค่ครั้งเดียวและผู้ดูต้องตั้งใจแน่วแน่

ประเด็นคือผู้ดูย่อมวิตกกังวลและทุกข์มากอยู่แล้ว จะสงบจิตตั้งใจได้หรือ? ถ้าไม่ได้ ความแม่นยำจะลดลงไหม? ถ้าผู้ดูไม่แน่ใจในคำทำนาย แล้วไปหาอีกคน แต่ผลออกมาต่างกัน (เพราะหน้าไพ่ต่าง) จะเชื่อใครดี?

ศาสตร์กลุ่มนี้ต้องพึ่งพาสัมผัสที่ 6 ของผู้ทำนายเป็นหลัก ไพ่เป็นเพียงสื่อกลางให้ผู้ทำนายสัมผัสถึงสภาวะจิตของผู้ดูและเห็นไปถึงอนาคต ศาสตร์นี้มีความแม่นยำสูงเมื่อเจอคำถามเฉพาะเจาะจงหรือภายในช่วงเวลาอันสั้น เช่น จะได้งาน จะสอบผ่านไหม แต่ถ้าเป็นคำถามปลายเปิด/พื้นดวงโดยรวม/อนาคตที่ยาวไกล เช่น การเงินอีก 10 ปีข้างหน้า ความแม่นยำจะลดลงหรือตอบกว้างมาก-ไม่เข้าเป้า 

ข้อจำกัดคือไม่อาจดูแทนกันได้ ผู้ทำนายไม่สามารถเปิดไพ่แทนชาวราศีใด มันขัดกับตรรกะของวิชา ศาสตร์นี้จึงไม่อาจใช้ทำนายดวงเมืองด้วย มีเพียงโหราศาสตร์เท่านั้นที่สามารถทำได้ 

โหราศาสตร์มีอายุยาวนานกว่าศาสตร์อื่น ข้อได้เปรียบคือผ่านการถ่ายทอด ทดสอบ และพัฒนาต่อยอดในทุกอารยธรรมสำคัญของโลก โหราศาสตร์จึงเต็มไปด้วยอัจฉริยะมากมายทุกยุคทุกสมัย มีหลักการกฎเกณฑ์มั่นคงจนแทบไม่เหลือที่ว่างสำหรับสัมผัสที่ 6 แต่อย่างใด

ในภาพเป็นกราฟดวงดาวที่บอกทิศทางและแนวโน้มสถานการณ์โลก ค่ามากคือเจริญรุ่งเรือง ค่าน้อยคือเดือดร้อนวุ่นวาย ขาลงปี 1914-1918 คือสงครามโลกครั้งที่ 1 ช่วง Bottom ปี 1929-1933 คือ Great Depression จากนั้นเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ปี 1936-1945 ที่กลับเป็นขาลงใหญ่คือสงครามโลกครั้งที่ 2

กราฟนี้มีประโยชน์น้อยสำหรับคนทั่วไปและ SME แต่มีประโยชน์มากกับองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ นักลงทุนรายใหญ่ เช่น Macro Hedge Fund และหน่วยงานเศรษฐกิจภาครัฐ เมื่อใช้ร่วมกับดวงเมืองสำคัญ ๆ มันช่วยให้เห็นอนาคตและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ได้ก่อนใคร ความได้เปรียบอยู่ตรงนี้

นี่คือ Crystal Ball ที่จับต้องได้อย่างแท้จริง