อนิสงค์ตลาดเอื้อหุ้นไอพีโอ ดันผลตอบแทน 30 %

อนิสงค์ตลาดเอื้อหุ้นไอพีโอ ดันผลตอบแทน 30 %

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 13.30-14.00 น.

ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นมาของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา นอกจากจะสร้างความคึกคักให้กับตลาดหุ้นด้วยมูลค่าการซื้อขายขึ้นมาเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวันแล้ว ยังส่งผลต่อจิตวิทยาการลงทุน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นผลักดันทำให้นักลงทุนคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนในช่วงนี้เพิ่มขึ้นไปด้วย

การลงทุนในหุ้นเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ยังเป็นหุ้นที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย ยิ่งบรรยากาศตลาดหุ้นเอื้อด้วยแล้วทำให้เห็นได้ว่าหุ้นในกลุ่มเหล่านี้มีสีสันที่น่าสนใจมากขึ้น จนทำให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ต.ล.ท.)ได้ประกาศว่าปีนี้มูลค่าการระดมทุนหุ้นไอพีโอสามารถทะลุ 3 แสนล้านบาทได้แน่นอน จากที่มองไว้ 280,000 ล้านบาท

ปรากฎการณ์ความคึกคักเริ่มตั้งแต่ช่วงเดือนต.ค. ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน หรือประมาณ 1เดือนครึ่ง มีบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแล้ว 6 บริษัท มีมูลค่าระดมทุนรวม 4,173 ล้านบาท

ประกอบไปด้วย บริษัท โรงพยาบาลวัฒนแพทย์ ตรัง จำกัด (มหาชน) หรือ WPH จากราคาไอพีโอ 3.90 บาท เปิดที่ราคา 4.30 บาท และมาปิด 4.18 บาท ( 3 ต.ค.) ,บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด (มหาชน) จากราคาไอพีโอ 1.44 บาท เปิดที่ราคา 1.75 บาท และมาปิด 1.59บาท ( 5 ต.ค.)

บริษัท ฟลอยด์ จำกัด (มหาชน) หรือ FLOYD จากราคาไอพีโอ 2.80บาท เปิดที่ราคา 6.45บาท และมาปิด 4.34 บาท ( 1 พ.ย.) ,บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE จากราคาไอพีโอ 2.20 บาท เปิดที่ราคา 5.40 บาท และมาปิด 3.32 บาท ( 2 พ.ย.)

บริษัทแอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB จากราคาไอพีโอ 1.69 บาท เปิดที่ราคา 3.70 บาท และมาปิด 2.16 บาท ( 9 พ.ย.) และ บริษัท ริช สปอร์ต จำกัด (มหาชน) หรือ RSP จากราคาไอพีโอ 5.80 บาท เปิดที่ราคา 7.50 บาท และมาปิด 8.15 บาท ( 10 พ.ย.)

ขณะเดียวกันราคาหุ้นที่เข้าทำการซื้อขายเริ่มเห็นการปรับตัวขึ้นร้อนแรง แม้ว่าราคาปิด ณ ที่ทำการซื้อขายในวันนั้นจะเห็นการปรับตัวลดลงแต่ยังไม่ต่ำกว่าราคาจอง ซึ่งการปรับตัวบวกขึ้นมาในระดับเกิน 100 % ของหุ้นไอพีโอห่างหายไปจากตลาดหุ้นไทยพอสมควร

หากย้อนไปในช่วงปี 2557-2558 หุ้นไอพีโอได้รับความนิยมและทำราคาร้อนแรงจนบางบริษัททำราคาบวกในวันที่ทำการซื้อขายวันแรกด้วยราคาปิด ณ สิ้นวันดังกล่าวได้ถึง 150-200 % ซึ่งส่งผลทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ต้องเข้ามาออกเกณฑ์เพื่อเบรกความร้อนแรงของหุ้นไอพีโอ

ด้วยการออกเกณฑ์การกระจายหุ้นให้กับผู้ลงทุนทั่วไปอย่างเพียงพอ และป้องกันการจัดสรรหุ้นให้กับกลุ่มผู้มีอุปการคุณและบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท (RP) ในสัดส่วนที่สูงจนควบคุมปริมาณหุ้นไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ ฯ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การซื้อขายหุ้นในลักษณะผิดปกติภายหลังการเข้าจดทะเบียน

‘สมภพ กีระสุนทรพงษ์’ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส เปิดเผย กับ Stock gossip หุ้นไอพีโอยังเป็นหุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจและได้รับความนิยมเข้ามาลงทุน เพราะสามารถเข้ามาถือลงทุนผ่านการจองหุ้นได้ ซึ่งได้รับผลตอบแทนจากการซื้อขายวันแรกค่อนข้างสูงเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ประมาณ 30-40 %

หากเปรียบเทียบกับในอดีตช่วง 2 ปีที่แล้วจะเห็นได้ว่าหุ้นไอพีโอเคยร้อนแรงมากกว่านี้ จากราคาปิดในวันที่ทำการซื้อขายวันแรกผลตอบแทน มากกว่า 100 % ขึ้นไป แต่ปัจจุบันแทบจะหาไม่ได้แล้วที่จะได้ผลตอบแทนอย่างนั้น

โดยเท่าที่ดูปีนี้แทบจะไม่บริษัทไหนที่เข้าทำการซื้อขายวันแรกแล้วยืนปิดบวกได้เกิน 100 % มีเพียงแค่ราคาเปิดทำการซื้อขายที่เห็นบวกเกิน แต่หลังจากนั้นจะเห็นได้ว่าราคาปรับตัวลดลงทุกบริษัท ขณะเดียวกันในปีนี้จะเห็นได้ว่ามีหุ้นบริษัทขนาดใหญ่เข้าตลาดหุ้นมากกว่าหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้ราคาจะไม่ค่อยร้อนแรงในวันแรก แต่จะปรับตัวขึ้นตามพื้นฐานหลังจากนั้น

‘มองว่าหุ้นไอพีโอที่เห็นว่ามีจำนวนมากในช่วงนี้เป็นเพราะภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น ส่วนราคาหุ้นไอพีโอจะเป็นอย่างไรมีหลายองค์ประกอบไม่ใช่แค่เพียงการกำหนดราคาหุ้นก่อนเข้าตลาดเท่านั้น ยังมีภาวะการซื้อขายในช่วงนั้น บริษัทมีอัตราการเติบโตมากน้อยแค่ไหน อยู่ในธุรกิจอะไร ‘

อย่างไรก็ตามในช่วงที่เหลือของปียังมีบริษัทจดทะเบียนเตรียมเข้าตลาดหุ้นให้ได้ลุ้นราคาหุ้นอีกประกอบด้วย บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG เสนอขายหุ้น 85 ล้านหุ้น บริษัทไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI เสนอขายหุ้น 97 ล้านหุ้น บริษัทกัลฟ์เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ GULF เสนอขายหุ้น 533 ล้านหุ้น และ บริษัท ฮิวแมนิก้า จำกัด (มหาชน) หรือ HUMAN เสนอขายหุ้น 180 ล้านหุ้น