บิ๊กอสังหาฯ แสนสิริ ปรับทัพใหญ่ปั้นแบนด์ไปโกลบอล

 บิ๊กอสังหาฯ แสนสิริ  ปรับทัพใหญ่ปั้นแบนด์ไปโกลบอล

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 13.30-14.00 น.

บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI หนึ่งในผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของไทย มีความเคลื่อนไหวของธุรกิจในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่น่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องและใกล้เคียงกับอสังหาฯ

โดยประกาศใช้เงินลงทุน 2,800 ล้านบาท เพื่อลงทุนใน 6 ธุรกิจ ทั้งประเทศและต่างประเทศ ประกอบไปด้วย ธุรกิจ โรงแรม สื่อมีเดีย ไลฟ์สไตล์ อาหาร บริการที่พัก และอสังหาฯ การลงทุนในครั้งนี้เกิดคำถามมากมายว่าจะมีผลอย่างไรต่อโครงสร้างธุรกิจ และจะส่งผลต่อการเติบโตของแสนสิริในอนาคตอย่าง ไร

ปัจจุบันด้วยรายได้ 9 เดือนของแสนสิริ ที่ 23,129 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 34,000 ล้านบาท มีกำไร 2,022 ล้านบาท ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นในปีนี้ที่ 10 % จากยอดพรีเซลล์ ที่ทำได้ขณะนี้ 31,000 ล้านบาท คิดเป็น 70 % จากเป้าหมายทั้งปี 40,000 ล้านบาท คาดการณ์ว่าช่วงที่เหลือมียอดพรีเซลล์เข้ามาอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท

จากโครงการที่เปิดในปีนี้ทั้งหมด 19 โครงการ กลุ่มบ้านเดี่ยวและคอนโดมีเนียมเติบโตมากที่สุด โดยเฉพาะคอนโดมีเนียม มีการร่วมลงทุน (Join Venture) กับกลุ่มบีทีเอส และโตคิว โดยเฉพาะกลุ่มบีทีเอสจากที่รับรู้ขาดทุน 3 ปีที่ผ่านมา จะพลิกกลับมารับรู้กำไรในปีนี้และมากที่สุดคือปี 2561

โดยมีโครงการรอรับรู้รายได้ (Backlog) กับกลุ่มบีทีเอสอยู่ที่ 23,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ที่ 1,934 ล้านบาท ช่วงปี 2561 ที่ 9,081 ล้านบาท และ ปี 2562 ที่ 10,226 ล้านบาท ทั้งนี้ยังมีการรับรู้พอร์ตรายได้ในต่างประเทศเข้ามาในปีนี้ที่ 9,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 80 % อยู่ที่ 5,400 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าปี 2561 อยู่ที่ 12,000 ล้านบาท

การเพิ่มขึ้นพอร์ตรายได้ต่างประเทศส่วนหนึ่งเป็นการลงทุนเพิ่มขึ้น จากที่ได้ประกาศไปแล้ว จะมาเสริมสินค้าและแบนด์ให้กับ แสนสิริ

ประกอบไปด้วย Standard International มูลค่าลงทุนในปีนี้ อยู่ที่ 16 ล้านเหรียญ จากทั้งหมด 58 ล้านเหรียญ ซึ่งจะถือหุ้นในสัดส่วน 35.09 % โดยเป็นกลุ่มธุรกิจ บูติก โฮเทล ระดับ 4.5 ดาว มีโรงแรม 13 แห่ง เน้นตลาดในสหรัฐอเมริกา เป็นหลัก แต่อนาคตจะขยับตลาดมาสู่ยุโรป เช่น ลอนดอน และเอเชีย รวมทั้งไทย

ลงทุน Just Co มูลค่า 12 ล้านเหรียญ ถือหุ้น 6.09 % เป็นธุรกิจให้บริการพื้นที่ (Co-Working Space) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียด้วยระบบสมาชิก 12,000 ราย โดยจะเปิดในประเทศไทยที่ตึก AIA สาทร และ All seasons Place ปีหน้า ซึ่งแสนสิริได้ข้อมูลฐานสมาชิกเพื่อนำไปต่อยอดในกลุ่มธุรกิจ

HostMaker มูลค่าลงทุน 6.5 ล้านเหรียญ ถือหุ้นสัดส่วน 11.2 % ทำธุรกิจ Air BnB และดูแลบริการหลังบ้าน เช่น ทำความสะอาดและตกแต่งห้องพักให้บริการ 1,000 แห่ง สอดคล้องกับบริการของแสนสิริ ที่มีการบริหารเช่าที่พักให้ลูกค้าโครงการต่างๆ และอสังหาฯ ในกลุ่มลูกค้าต่างประเทศ

Monocle มูลค่าลงทุน 5.9 ล้านเหรียญ ถือหุ้น 13.04 % ดำเนินธุรกิจไลฟ์สไตล์ สื่อ เช่นนิตยสาร สถานีวิทยุ คาแฟ่ Monoco รวมทั้งร้านขายสินค้าแบนด์ดัง มีตลาดที่แข็งแรงที่อเมริกา และอังกฤษ อนาคตจะเข้ามารุกตลาดในเอเชีย ทำให้แสนสิริมีสื่อเพื่อใช้ในการโปรโมทสินค้า มีโครงการในอนาคตที่จะทำร่วมกัน คือ ที่พัก สไตล์ monoco

การลงทุน Farmshelf มูลค่า 3 แสนเหรียญ ถือหุ้น 5.90 % เป็นธุรกิจปลูกผักด้วยนวัตกรรมในที่ร่มแบบอัตโนมัติ สามารถดูขั้นตอนผ่านแอฟพลิเคชั่น ซึ่งถือว่าเป็นกระแสรักสุขภาพที่ตอบโจทย์ให้กับลูกค้าของแสนสิริ ซึ่งจะมีการนำวิธีปลูกผักเข้ามาให้บริการกับกลุ่มลูกค้า

สุดท้ายการประกาศลงนามบันทึกข้อตกลงกับ บริษัทเพช ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PACE เพื่อเข้าซื้อโครงการมหานครส่วนที่เป็นที่อยู่อาศัย ที่เหลืออยู่ 53 ยูนิต และโครงการนิมิตร หลังสวน ทั้งโครงการ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบทรัพย์สินประมาณ 60 วัน

‘วันจักร์ บุรณศิริ’ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ แสนสิริ เปิดเผย ว่า ทุกวันนี้แสนสิริไม่ใช่แบนด์ทำอสังหาฯเฉพาะในประเทศ เพียงอย่างเดียว แต่ได้ลงทุนในต่างประเทศจากพอร์ตรายได้ต่างประเทศเติบโตขึ้นชัดเจน ดังนั้นจึงมองการลงทุนคือการสร้างแบน;yด์โกลบอล ไปทั้งยุโรป อเมริกา เอเซีย เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเกิดภาพการเชื่อมต่อธุรกิจระหว่างภูมิภาคด้วย

ผลด้านตัวเลขหรือรายได้ในระยะสั้นจะไม่เห็น หากแต่มองระยะกลาง 3-5 ปี มากกว่ ที่จะเสริมฐานต่างๆ ทั้งแบนด์ และสินค้า ให้แสนสิริดีขึ้น ขยายได้มากขึ้น จากนี้ไปมองการลงทุนต่อเนื่องในอีก 3-5 ปี ข้างหน้า ประมาณ 1,500 ล้านบาท ในป็นกลุ่มสตาร์ทอัพ

‘แสนสิริ’ มองเป้าหมายการลงทุนในครั้งนี้ยังไม่มีผลต่อตัวเลขรายได้ของบริษัท เพราะยังมีสัดส่วนรายได้ทีน้อยมากเมื่อเทียบกับ ยอดขายทั้งปี 40,000 ล้านบาท แต่เป็นการเสริมแบนด์ไปในตลาดโกลบอล ‘