ทรัมป์, คิม, และปูติน
“ทำไมคุณจึงสบประมาทผมด้วยการเรียกผมว่าแก่ ขณะที่ผมยังไม่ได้เรียกคุณว่าอ้วนและเตี้ยเลย?
ผมพยายามจะเป็นมิตรกับคุณมาก หวังว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราจะเป็นเพื่อนกันได้จริง”
ใครจะตีความอย่างไรก็ตาม นี่เป็นการสะท้อนถึง “วุฒิภาวะทางจิต” ของผู้นำสหรัฐที่มีปัญหาแน่นอน
เพราะนี่เป็นภาษาของนักเลงปากซอยท้าตีท้าต่อยเพื่ออวดศักดาของตัวเองมากกว่าที่จะเป็นถ้อยประโยคจากปากของคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้นำมหาอำนาจของโลก
หรือคนที่ประกาศนโยบายจะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกหน Make America Great Again.
ในวันเดียวกันนั้น ทรัมป์ก็บอกกับนักข่าวว่าเขากับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียได้คุยกันแล้ว
ทรัมป์บอกว่าปูตินยืนยันกับเขาว่ารัสเซียไม่ได้แทรกแซงระบบการเลือกตั้งของสหรัฐ แน่นอน
ตอนหนึ่งของบทสนทนาระหว่างทรัมป์กับนักข่าวเป็นอย่างนี้:
นักข่าว: มีการพูดถึงประเด็นความพยายามของรัสเซียที่จะแทรกแซงการเลือกตั้งของสหรัฐระหว่างการสนทนากับปูตินหรือเปล่า?
ทรัมป์: เขาบอกว่าเขาไม่ได้แทรกแซง เขาบอกว่าเขาไม่ได้แทรกแซง ผมถามเขาอีก คุณถามอย่างนี้ได้สักกี่ครั้งเล่า แต่ผมก็ถามย้ำเขาอีก และเขาก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าไม่ได้แทรกแซงการเลือกตั้งของเรา เขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาบอกว่าเขาทำ และเขาบอกว่า.....
นักข่าว: คุณเชื่อเขาไหม?
ทรัมป์: นี่คุณ ผมไม่สามารถจะยืนอยู่ตรงนั้นและโต้เถียงกับเขา พูดตรง ๆ นะ, ผมอยากให้เขาออกจากซีเรียมากกว่า ผมอยากทำงานกับเขาให้เขาออกจากยูเครนมากกว่าที่จะยืนเถียงกับเขาว่า...เพราะเรื่องทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่กุขึ้นมาโดยพวกเดโมแครตทั้งเพ
...ถ้าเรามีความสัมพันธ์กับรัสเซีย ก็จะเป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายอะไร ที่จริง มันจะเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเลย เพราะเขาก็จะช่วยเราเรื่องเกาหลีเหนือได้ เรามีปัญหาใหญ่มากกับเกาหลีเหนือ และจีนก็จะช่วยเรา และเพราะเราไม่มีความสัมพันธ์กับรัสเซียเพราะเรื่องที่สร้างขึ้นมาโดยพวกเดโมแครต ...เราจะได้ความช่วยเหลือมากจากรัสเซียเกี่ยวกับเรื่องเกาหลีเหนือ เรากำลังพูดถึงชีวิตเป็นล้าน ๆ คน นี่ไม่ใช่เรื่องเด็ก ๆ นี่เรื่องจริง ถ้ารัสเซียช่วยเรา นอกจากจีนแล้ว ปัญหานี้ก็จะหายไปเร็วขึ้นมาก...
นักข่าว: เรื่องนี้คุณเป็นคนยกขึ้นมาพูดก่อนใช่ไหม? คุณเป็นคนถามเขาใช่ไหม?
ทรัมป์: ทุกครั้งที่เขาเจอผม เขาจะบอกว่า “ผมไม่ได้ทำ” และผมก็เชื่อจริง ๆ ว่าเมื่อเขาบอกผมอย่างนั้น เขาหมายถึงอย่างนั้นจริง ๆ ผมเชื่อว่าเขารู้สึกถูกสบประมาทมาก
อ่านถ้อยคำถาม-ตอบนี้แล้วก็คงจะเข้าใจได้ว่าทรัมป์เชื่อที่ปูตินปฏิเสธ
คำถามต่อมาก็คือเขาเชื่อหน่วยข่าวกรองเช่น CIA และ FBI ที่ออกมายืนยันว่ามีหลักฐานชัดเจนว่ารัสเซียมีส่วนแทรกแซงกระบวนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯแน่นอนหรือไม่?
ถ้าเขาเชื่อปูติน, ก็ย่อมแปลว่าเขาไม่เชื่อหน่วยข่าวกรองของตัวเองใช่หรือไม่
อีกนัยหนึ่ง เขาเชื่อปูตินที่เคยทำงานให้หน่วยข่าวกรองรัสเซีย KGB มากกว่าหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ CIA ใช่หรือไม่?
หากอ่านข้อความแลกเปลี่ยนระหว่างเขากับนักข่าว ก็ย่อมตีความได้ไม่ยากว่าทรัมป์เชื่อปูตินมากกว่า
ผ่านมาได้ไม่กี่ชั่วโมง เมื่อทรัมป์ยืนแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีเวียดนามทรันไดกวง และถูกนักข่าวมะกันถามตรง ๆ ว่าเขาเชื่อหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯหรือปูติน?
ทรัมป์เปลี่ยนเสียง....และบอกว่าเขาเชื่อหน่วยข่าวกรองสหรัฐ
พรุ่งนี้เขาจะพูดอย่างไรไม่มีใครสามารถจะบอกได้ แต่ที่แน่ ๆ ก็คือว่าอะไร ๆ ที่ทรัมป์พูดนาทีนี้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาพูดในนาทีต่อไปก็ได้
เพราะเขาเคยประกาศอย่างภาคภูมิใจมาตลอดว่าจุดแข็งของเขาประการหนึ่งก็คือ“I am unpredictable.” (ไม่มีใครคาดการณ์อะไรผมถูกแน่นอน)
ที่ผมกลัวมากก็คือทรัมป์เองยังอาจจะคาดการณ์อารมณ์ของตัวเองวันต่อวันไม่ถูกเลย!