ทำไมผม (ยัง) ไม่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม

ทำไมผม (ยัง) ไม่ลงทุนในหุ้นเวียดนาม

ประชากรโดยเฉลี่ยอายุยังน้อย ค่าแรงอยู่ในระดับต่ำ

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา นักลงทุนเน้นมูลค่าชาวไทยจำนวนมาก เกิดความสนใจที่จะไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม โดยได้รับอิทธิพลจาก ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ต้นแบบแห่งวีไอไทย ที่เป็นผู้บุกเบิก ไปซื้อหุ้นสกุลเหงียนมาแล้วหลายปี

เหตุผลที่ทำให้เวียดนามน่าสนใจนั้น ก็ด้วยความที่ประเทศกำลังเติบโต ประชากรโดยเฉลี่ยอายุยังน้อย ค่าแรงอยู่ในระดับต่ำ จึงน่าจะดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้อีกมาก อีกทั้งตัวเลข GDP ยังโตถึงปีละ 6-7% ดูๆ ไปแล้ว ประเทศนี้มีคุณลักษณะหลายอย่างคล้ายเมืองไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน

หลายคนจึงมองว่า การไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เป็นเสมือนการเอาตัวเองไปอยู่ในช่วงต้นของ 'เส้นกราฟแห่งการเติบโต' อันเป็นโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยไม่สามารถให้แก่นักลงทุนได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า โดยภาพรวมแล้ว บริษัทจดทะเบียนของเวียดนามยังมีข้อมูลให้ศึกษาน้อยกว่าบริษัทในอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก ความน่าเชื่อถือก็ยังไม่มากนัก ซึ่งนักลงทุนหลายคนทราบดีถึงความจริงข้อนี้ พวกเขาจึงมิได้เลือกหุ้นเป็นรายตัว แต่ใช้เกณฑ์การคัดกรองต่างๆ บ้างก็ซื้อกองทุนหุ้นเสียเลย

เท่าที่สังเกตดู ผมพบว่า คนไทยที่ไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ยังมองในเชิง 'มหภาค' คือดู 'ภาพใหญ่' ของประเทศเป็นหลัก โดย bet ว่าเวียดนามจะเป็น “ม้า” ที่พุ่งทะยานอย่างรวดเร็วต่อไปในอนาคต

ทว่าโดยส่วนตัว ผมไม่นิยมลงทุนด้วยมุมมองเช่นนั้น แต่ชอบมองเป็น 'รายบริษัท' แล้วเจาะลึกลงไปให้ถึงที่สุด ผมสนุกกับการเอางบการเงินออกมาดู และวิเคราะห์ว่าธุรกิจมีข้อดีข้อเสียอย่างไร

นอกจากนี้ แม้จะเสาะหาหุ้นของประเทศต่างๆ ไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกา รวมทั้งหุ้นในทวีปอเมริกาใต้ แต่ผมจะแกะหุ้นไป 'ทีละตัว' ผมไม่เคยซื้อหุ้นตัวใด เพียงเพราะเป็นหุ้นของประเทศนั้นประเทศนี้ และจะไม่ซื้อหุ้นไม่ว่าตัวไหน หากไม่มีข้อมูลเพียงพอ

ผมยังเตือนตัวเองด้วยว่า หนึ่งในทรัพยากรที่สำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุน คือ 'เวลา' หากเรา 'อิน' กับอะไรบางอย่างมากเกินไป แล้วท้ายที่สุด การณ์ไม่เป็นไปดังหวัง แม้จะขาดทุนเป็นตัวเงินไม่เยอะ แต่ 'ค่าเสียโอกาส' อาจจะสูงมากก็เป็นได้

โดยสรุป ผมไม่ได้ไม่เห็นด้วยกับการลงทุนในหุ้นประเทศเวียดนาม เพียงมองว่าด้วย approach ที่คนอื่นเขาทำกันอยู่นั้น ไม่ใช่ 'แนว' ของผม ทว่าหากวันหนึ่ง เพื่อนฝูงที่ไปลงทุนในหุ้นสกุลเหงียน เกิดร่ำรวยขึ้นมาหลายสิบหลายร้อยเด้ง ผมก็จะยินดีไปกับพวกเขาด้วย

แต่ ณ วันน้ี ผมขอ 'คิดอย่างเป็นตัวเอง' และยังไม่ก้าวเท้าเข้าไปในตลาดหุ้นเวียดนาม เพราะผมเชื่อว่า ถนนสู่ความมั่งคั่งยังมีอีกหลายเส้นให้เลือกเดิน เรื่องแบบนี้ ไม่มีผิดหรือถูก ใครถนัดทางไหนก็ทำไปตามที่ตัวเองถนัด จึงจะดีที่สุดครับ