ราคาน้ำมันหนุนปีหน้า กลุ่มปตท . ทำกำไรโต 20 %

ราคาน้ำมันหนุนปีหน้า  กลุ่มปตท . ทำกำไรโต 20 %

พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 13.30-14.00 น.

ปี 2560 นอกจากจะเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวทำสถิติสูงสุดในรอบ 24 ปีแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังมีทิศทางทรงตัวในระดับที่สูงกว่า 50 เหรียญต่อบาเรล ทั้งราคาน้ำมัน Brent Crude และ WTI Crude จากช่วงต้นปีราคาน้ำมันยืนอยู่ที่ 50เหรียญบาเรล และช่วงครึ่งปีหลังสามารถยืนเหนือระดับ 55 เหรียญต่อบาเรล

โดยราคาน้ำมัน Brent Crude อยู่ที่ 62 เหรียญต่อบาเรล และ WTI Crude อยู่ที่ 55.78 เหรียญต่อบาเรล (6 พ.ย.) และยังส่งผลดีต่อค่าการกลั่นและราคาปิโตรเคมีในช่วงครึ่งปีหลังแน่นอนว่ากลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้ได้ผลดีตามไปด้วย

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ได้ระบุถึงแนวโน้มทิศทางราคาน้ำมัน ท้ายปีไปจนถึงปี 2561 คาดว่าราคาน้ำมัน (ดูไบ) จะอยู่ที่ 50-55 เหรียญ ต่อบาร์เรล และในกรณีที่หากกลุ่มโอเปคขยายมาตรการลดกำลังผลิตไปถึงเดือน ธ.ค. 

โดยคาดว่าราคาน้ำมันจะอยู่ที่ 50-57 เหรียญต่อบาร์เรล คาดว่าจะมีปริมาณน้ำมันออกสู่ระบบที่ 1.7-2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ท่ามกลางคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.7 % จากปีนี้อยู่ที่ 3.6 % จะส่งผลต่อการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น

ด้านราคาหุ้น ปตท. จากต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาแล้ว 11.83 % โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 422 บาท (6 พ.ย.) เพิ่มขึ้น 6 บาท เปลี่ยนแปลง 1.44 % มีขนาดมาร์เก็ตแคปใหญ่ที่สุดในตลาดหุ้นไทย ที่ 1.188 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นมาจากต้นปี 5.3 แสนล้านบาท เปรีบเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1.06 ล้านล้านบาท

นอกจากได้รับผลดีจากภาวะราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับที่เกิน 55 เหรียญต่อบาเรลแล้ว ยังมีการคาดการณ์กำไรช่วงไตรมาส 3 ปี

ก่อนหน้านี้บริษัทในกลุ่ม ปตท, ได้ทยอยแจ้งผลประกอบการออกมาแล้ว ซึ่งถือได้ว่าธุรกิจการกลั่นและปิโตรเคมีฟื้นตัวค่อนข้างชัดเจนในไตรมาส 3 ปี 2560 จากกำไรของ บริษัทไออาร์ซีพี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ออกมาอยู่ที่ 3,247 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ยังไม่ประกาศผลประกอบการออกมา แต่มีการคาดกาณ์ว่าน่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 59 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน ทั้งจากธุรกิจการกลั่นที่ราคาเพิ่มขึ้น และธุรกิจปิโตรเคมีในสายโอเลฟินส์ที่ฟื้นตัว รวมไปถึงการเปิดดำเนินการโรงงานหลังปิดซ่อมบำรุงไปเมื่อไตรมาสก่อน

บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP กลุ่มในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีสายอะโรเมติกส์เช่นเดียวกัน คาดการณ์จะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันเพิ่มขึ้น หลังจากที่ไตรมาส 2 ผลประกอบการอ่อนแอ พลิกกลับมามีกำไรทั้งสองธุรกิจ

ส่วนบริษัทที่ผลประการที่มีผลต่อกำไร ปตท . มาที่สุด บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP แม้จะประกาศกำไรไตรมาส 3 ปี 2560 ออกมาขาดทุน 8,681 ล้านบาท จากไตรมาสช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 5,446 ล้านบาท

หากเป็นการบันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่าเงินลงทุนในโครงการ Marina Oil Sands ในประเทศ แคนาดา กว่า 18,505 ล้านบาท ขณะที่กำไรปกติของบริษัทอยู่ที่ 9,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108.3 % จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ได้รับผลดีจากการบริการต้นทุนและการแข็งค่าของค่าเงินบาท

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่าผลประกอบการครึ่งปีหลังของกลุ่มปตท. ทั้งปิโตรเคมีและโรงกลั่น กลับมาแข็งแกร่ง และยังได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก ผ่านธุรกิจน้ำมัน

โดยคาดการณ์กำไรไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ 21,400 ล้านบาท ยังเพิ่มขึ้น 20.7 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้มีผลกระทบจากรายจ่ายด้อยค่าสินทรัพย์ ของ PTTEP เพราะหากไม่รวมรายการพิเศษนี้ บวกกับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน คาดกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 32,313 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.4 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ด้วยธุรกิจหลักมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องจากช่วงราคาน้ำมันโลกฟื้นตัวอย่างช้าๆ รวมไปการปรับประมาณการกำไรของ PTTGC , TOP และ IRPC ไปก่อนหน้านี้แล้ว จึงปรับกำไรการดำเนินงานของ ปตท . ในปี 2560-2561 เพิ่มขึ้น 26.8 % เป็น 120,738 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 22.8 % เป็น 123,129 ล้านบาทตามลำดับ

ขณะที่ในระยะกลางมีประเด็นบวกจากการปลดล็อกมูลค่าจากการ นำหุ้นจดทะเบียนในตลาดหุ้นเสนอขายให้กับประชาชนครั้งแรก (IPO) ในธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกที่มีโอกาสเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2561 -2562

ดังนั้นเปลี่ยนไปใช้ราคาเป้าหมาย ปี 2561 ที่ 477 บาท จาก 410 บาท และเปลี่ยนคำแนะนำจาก ‘เก็งกำไรซื้อ’ เป็น ‘ซื้อลงทุน’ แทน