ปรากฏการณ์ ตูน วิ่งเพื่อชีวิต

แต่หันกลับมาทำงานเพื่อสังคม

จากปรากฏการณ์น้ำท่วมที่ปราณบุรี ข่าวโรงพยาบาลปราณบุรีถูกน้ำท่วมในขณะที่คุณตูนที่อยู่แถบนั้น ได้ริเริ่มทำอะไรบางอย่างที่ทำด้วยตัวเอง แต่เพื่อส่วนรวม กลับเป็นกระแสสังคมที่ทำให้คนเป็นจำนวนมากหันมามองปัญหาใกล้ตัว และคิดมากขึ้นว่า ในขณะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมชุมชนที่ประกอบด้วยบ้าน วัด โรงเรียน โรงพยาบาล เราควรหันกลับมามองสังคมใหม่ ใส่ใจมากขึ้น เพราะในที่สุดแล้วเราก็หนีไม่พ้นที่ต้องเกี่ยวข้องกับสถานที่เหล่านี้ตั้งแต่เกิดจนตาย

ใช้คำว่า...ตูน วิ่งเพื่อชีวิต...ไม่ได้หมายความแค่ชีวิตของคุณตูน แต่เป็นชีวิตของประชาชนคนรากหญ้าในสังคมชุมชนที่ชีวิตต้องเกี่ยวข้องกับการเจ็บไข้ได้ป่วยตั้งแต่เกิดจนตาย แต่สถานที่ช่วยชีวิตเขากลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เป็นหนี้เป็นสินรอบด้าน เพียงเพื่อต้องการให้บริการประชาชนในสังคมและชุมชนให้อยู่ดีมีสุข สุขภาพแข็งแรง มีคุณภาพชีวิตที่ดี เพราะเมื่อตัวเองแข็งแรง ครอบครัวก็แข็งแรง สังคมชุมชนก็แข็งแรง ที่สุดแล้วประเทศชาติก็แข็งแรง

ตูน วิ่งเพื่อชีวิต... จึงไม่ได้จำกัดแค่ที่ใดที่หนึ่ง โรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง หรือแม้แต่สิบเอ็ดโรงพยาบาลที่อยู่ในสภาวะยากลำบากเป็นหนี้เป็นสิน ขาดเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรทางการแพทย์ที่ไม่พอเพียงกับการให้บริการ

ที่จริง ถ้าบุคคลากรทางการแพทย์และโรงพยาบาลจะนิ่งเฉย เพราะเป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องมีงบประมาณให้พอเพียงที่จะจัดให้มีบุคคลากรทางการแพทย์ เครื่องมือทางการแพทย์ให้พอเพียง ถ้าไม่มีก็ทำอะไรไม่ได้ ปล่อยประชาชนไปตามยถากรรม อย่างนี้โรงพยาบาลก็อาจจะไม่ประสบปัญหาหนี้สินรุงรังแบบทุกวันนี้

แต่โรงพยาบาลและบุคคลากรทางการแพทย์ที่มีคุณธรรมจริยธรรมไม่สามารถทำอย่างนั้นได้ ไม่สามารถปล่อยให้คนไข้นอนป่วยโดยไม่ดูแลได้ ไม่สามารถเพิกเฉยโดยถือว่าเมื่อไม่มีเงินก็ไม่มีการรักษาได้ ไม่สามารถผลักไสไล่ส่งไปหาที่อื่นรักษาพยาบาลได้ เพราะมันไม่ใช่แค่จริยธรรมจรรยาบรรณของแพทย์และบุคคลากรทางการแพทย์ แต่เป็นเรื่องศีลธรรม เรื่องของความเป็นมนุษย์ เรื่องของกฎหมาย และอีกหลายๆเรื่องที่ทำให้ไม่สามารถดูดายได้

ตูน วิ่งเพื่อชีวิต ...ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ ที่จะสร้างกระแสสังคมให้หันมามองส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว มองสังคมมากกว่ามองแค่ครอบครัว มองคนอื่นมากกว่ามองแค่ตัวเอง

ถ้ากระแสสังคมจุดติด ก็เชื่อว่าในทุกสังคมจะมีการร่วมมือร่วมใจกับสถานที่ที่ให้บริการพวกเขาตั้งแต่เกิดจนตายมากขึ้น ไม่เฉพาะโรงพยาบาลที่มีปัญหา แม้ไม่เป็นหนี้เป็นสิน แต่โรงพยาบาลที่มีความพร้อมมากขึ้น ก็จะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการที่ดีขึ้น

ตูน วิ่งเพื่อชีวิต... จะสร้างโมเมนตั้มทำให้เกิดกระแสสังคมกระเพื่อมเป็นระลอกๆๆ แต่จะกว้างออกไปแค่ไหนเพียงไร ขึ้นอยู่กับประชาชนคนไทยที่ต้องช่วยกันสร้างกระแสด้วย

ยิ่งกระแสแรง ยิ่งกระเพื่อมแรง

ปรากฏการณ์ประชาชนชาวไทยที่ถวายความจงรักภักดีต่อองค์ในหลวงรัชกาลที่เก้า ได้แสดงให้โลกเห็นว่านอกจากคนไทยไม่ทิ้งกันแล้ว ยังมีใจร่วมกันเมื่อถึงคราวที่ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

และถ้าคนไทยใจรักชาติเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นนี้แล้ว บ้านเราประเทศเรา ต้องก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง

ตูน วิ่งเพื่อชีวิต... ครั้งนี้คงไม่จบลงแค่การวิ่งจากเบตงถึงแม่สาย แต่น่าจะเป็นการจุดประกาย ต่อเนื่องจากงานพระราชพิธีเสด็จสู่สวรรคาลัยของในหลวงรัชกาลที่เก้า อันเป็นที่รักยิ่งของเราชาวไทยด้วย ตูน จึงไม่ใช่แค่วิ่งเพื่อชีวิตของ ตูน คนเดียว

ตูน บอกว่า พร้อมแล้วสำหรับชีวิต ตูน ที่จะทำให้ถึงจุดหมาย เพราะเป็นการจุดประกายให้อีกหลายล้านชีวิตในโรงพยาบาล ที่จะอยู่รอดต่อไป

โรงพยาบาลรอด ประชาชนรอด สังคมรอด ประเทศชาติก็รอด