ก้าวไปข้างหน้ากับแนวทาง ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9

ก้าวไปข้างหน้ากับแนวทาง ของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9

Thailand 4.0 คือทิศทางของประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่ข้างหน้าด้วยแผนยุทธศาสตร์ของชาติ

เราผ่านเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเดือนที่คนไทยไม่เคยอยากให้มาถึงเลย แต่เวลาหยุดไม่ได้ 

ในวันนี้เดือนตุลาคมผ่านไปแล้ว ถึงเวลาของคนไทยที่จะต้องก้าวไปข้างหน้าเพื่อสร้างประเทศชาติให้สวยงาม และยิ่งใหญ่ในวิถีของแต่ละคน ทุกคนล้วนมีหน้าที่ และทุกคนล้วนมีบทบาทที่จะต้องทำภารกิจที่รออยู่ให้สำเร็จ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านคงเฝ้ามองประเทศเจริญพัฒนาอย่างยั่งยืนสมกับที่ท่านอุทิศแรงกายเพื่อให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้นมาตลอด 70 ปีทรงครองราชย์

แนวทางที่พระองค์ทรงวางไว้หลากหลายจนไม่อาจจะบรรยายได้ แต่มีกรณีหนึ่งที่ผมได้มีโอกาสได้ขึ้นไปที่ดอยช้าง และมีโอกาสได้พบหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกาแฟดอยช้าง คือคุณอาเดล หรือ ปณชัย พิสัยเลิศ ทายาทโดยตรงของ คุณพิก่อ พิสัยเลิศ ผู้มีใบหน้าบนโลโก้กาแฟดอยช้าง ที่สร้างกาแฟจากดอยช้างจนกลายเป็นกาแฟไทยที่ขยายออกสู่ตลาดโลกได้อย่างน่าภูมิใจ 

จุดเริ่มต้นของกาแฟดอยช้างก็คือ เมื่อ 40 ปีก่อน พื้นที่ดอยช้างเคยเป็นพื้นที่ทำไร่เลื่อนลอยของชาวเขา และแน่นอนว่าเป็นแหล่งปลูกฝิ่น พืชยาเสพติดที่รัฐบาลพยายามปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด เพราะอยู่บนป่าเขาที่ถนนไปไม่ถึง เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าไปเท่านั้น แถมยิ่งขายได้ราคาดี ใครๆ ก็อยากปลูก จนวันหนึ่งรัฐบาลใช้กำลังเพื่อกำจัด แต่ยิ่งทำ ป่าก็ยิ่งหาย ฝิ่นก็แก้ปัญหาไม่ได้ 

ในที่สุด ในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็ได้เข้ามาแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีที่ต่างออกไป คือ การมอบสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ก็คือการปลูกพืชเมืองหนาว ซึ่งสำหรับพื้นที่ดอยช้างก็คือ กาแฟ แต่กว่าที่ชาวเขาจะยอมรับได้ก็ใช้เวลานาน เพราะไม่มีใครเคยปลูกมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นลูกท้อ สตรอว์เบอร์รี ผักเมืองหนาว และกาแฟ 

แต่วันนี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าประสบความสำเร็จมากแค่ไหน ทุกวันนี้เราปราบปรามการปลูกฝิ่นได้น่าจะเรียกได้ว่า 100% ชาวดอยช้างในวันนี้มีความสุขกับการเก็บเกี่ยวกาแฟ ส่วนหนึ่งมาจากต้นที่ท่านพระราชทานให้เมื่อ 40 ปีที่แล้ว กลายเป็นกาแฟที่มีรสชาติเป็นที่ยอมรับในระดับโลกว่ามีคุณภาพดีที่สุด แบบที่กาแฟที่ถูกคัดมีราคากิโลกรัมละ 2-3 หมื่นบาทเลยทีเดียว

วันที่ผมไปดอยช้างแทบไม่เห็นภูเขาหัวโล้นอีกต่อไป เพราะก่อนปลูกกาแฟเขาจะปลูกต้นไม้ยืนต้นเพื่อเป็นร่มเงาก่อนแล้วจึงปลูกกาแฟ จากพระราชดำริที่ให้ชาวดอยช้างปลูกกาแฟเมื่อ 40 ปีที่แล้ว นอกจากเราจะกำจัดการปลูกฝิ่นให้หมดจากแผ่นดินไทยได้แล้ว ยังได้ป่า ได้น้ำ และยังได้สัตว์ป่ากลับคืนมาอีกด้วย ชาวเขาที่เคยไม่มีอาชีพทยอยกลับบ้านมาทำไร่กาแฟกัน เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ได้ราคา เดี๋ยวนี้กาแฟ 1 แก้ว แพงกว่าน้ำมันเสียอีกครับ น้ำมัน 1 ลิตรราคา 25 บาทโดยประมาณ แต่กาแฟ 1 แก้วราคา 100 บาท ดูสิครับ ได้ความสุขของพี่น้องชาวเขาอีกต่างหาก

ส่วนกาแฟชะมดที่ดอยช้างนั้นพิเศษกว่ากาแฟชะมดจากอินโดนีเซียเพราะที่โน่นเขาเลี้ยงโดยให้กาแฟกินเพื่อนำขี้ของชะมดมาผลิตเป็นกาแฟขี้ชะมด แต่ที่ดอยช้างคือ “ชะมดป่า”มากินเมล็ดกาแฟตามธรรมชาติ และถ่ายออกมา ชาวบ้านก็ต้องไปเก็บขี้ชะมดมาเข้าขั้นตอนในการผลิตมันคือกาแฟแบบออร์แกนิคสุดๆ

นี่คือ Thailand 4.0 ในทิศทางแบบที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ได้ให้ไว้เป็นเกษตรกรรมที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ ใช้ เทคโนโลยีใช้หลักการตลาดมาสร้างให้เกิดมูลค่าเพิ่ม สร้างพืชผลด้วยคุณภาพในแบบที่ตลาดต้องการ สร้างแบรนด์ที่เป็นของตัวเอง จนกาแฟดอยช้างได้ส่งออกไปหลายประเทศ ทั้งแบบเมล็ดกาแฟที่ผลิตให้แต่ละแบรนด์ และส่งแบรนด์ของตัวเองออกไปอีกด้วย