พริกไทย จะมีไอคิว เหนือมนุษย์

พริกไทย จะมีไอคิว เหนือมนุษย์

พริกไทย จะมีไอคิว เหนือมนุษย์

ใครๆก็พูดถึง แจ็ค หม่า แต่ผมอยากพูดถึงคนหนึ่งที่ลงทุนกับแจ็ค หม่า ในวันที่อาลีบาบายังไม่มีรายได้อะไรเลย เงินลงทุนของเขา 20 ล้านดอลล่าร์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 90,000 ล้านดอลล่าร์ ในวันที่อาลีบาบาเข้าตลาดหลักทรัพย์ เพิ่มขึ้น 4,500 เท่า

ผมกำลังพูดถึงคนรวยที่สุดในญี่ปุ่น นามว่า “มาซาโยชิ ซัน” เขาเป็นเจ้าของกิจการ SoftBank และธุรกิจอื่นอีกมากมายในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

ภาษาอังกฤษ และลีลาการพูดของ แจ็ค หม่า ปลุกเร้าและประทับใจคนทั้งโลก ส่วน มาซาโยชิ ซัน แม้ภาษาอังกฤษและลีลาปลุกเร้า จะเป็นรองอยู่บ้าง แต่เขาก็พูดได้คล่องแคล่ว เข้าใจง่าย เนื้อหาแน่น มีอารมณ์ขัน และน่าติดตามอย่างมากเช่นกัน

ซัน นี่แหละครับ คือคนที่พูดว่าอีก 30 ปีข้างหน้า ปัญญาประดิษฐ์อย่าง เจ้า “พริกไทย” หรือ “Pepperชื่อของหุ่นยนต์แสนฉลาด ตัวน้อย น่ารัก ที่เขาล้อเล่นด้วยบนเวทีเมื่อไม่นานมานี้ จะมี “ไอคิวเหนือมนุษย์”

ที่เรากังวลกันว่าสักวันหนึ่ง ปัญญาประดิษฐ์ จะมีสติปัญญาเหนือมนุษย์ นั้น ซัน บอกว่ามันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และภายใน 30 ปี มันจะมีไอคิว สูงถึง 10,000

มนุษย์เรามีไอคิวระดับไหน ทราบไหมครับ โดยเฉลี่ยก็อยู่ที่ 100เท่านั้นเอง ขนาด “จีเนียส” ก็อยู่ที่ 200 ส่วนใครที่จะสมัครเป็นสมาชิกของ MENSA ซึ่งเป็นสมาคมของคนไอคิวสูง จะต้องมีไอคิวอย่างต่ำ 130

เทียบกับไอคิว 10,000 แล้ว ห่างกันลิบลับ อย่างนี้น่ากลัวไหมครับ ก็ต้องตอบว่าน่ากลัวมากๆ แต่มันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ และคำพูดของ ซัน น่าเชื่อเพียงใด ก็ต้องมาดูว่าเขาเป็นใคร

ซัน ในวัยเรียนหนังสือ ก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ขวนขวายไปเรียนหนังสือในอเมริกา เขาเรียนปริญญาตรีที่เบิร์คลี่ย์ ระหว่างเรียนเขาอยากรวย อยากมีรายได้เดือนละ 10,000 ดอลล่าร์ เขาจัดเวลาวันละ 5 นาที เพื่อคิดว่าทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ

เพื่อนนักเรียนชาวอเมริกันบอกเขาว่า ถ้าอยากได้เงินมากขนาดนั้น และแค่นั่งคิดวันละ 5 นาที ก็มีทางเดียวเองก็ต้องไปค้ายาเสพติด เท่านั้นแหละ

แต่เขาก็คิด... คิด... คิด.... และบอกตัวเองว่า ต้องสร้าง “นวัตกรรม” ให้ได้ เพราะเป็นหนทางเดียวที่จะได้เงินเยอะๆ เขาคิดทุกวัน วันละ 5 นาที ในที่สุด ผ่านไป 18 เดือน เขาทำได้สำเร็จ เขาผลิต “ท้อล์คกิ้งดิกชันนารี่” ชิ้นแรกของโลก

วันนั้น ผมก็เป็นลูกค้ารายแรกๆ เพราะผมอยากพัฒนาสำเนียงการพูดภาษาอังกฤษให้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษา แต่เวลาเปิดอ่านหนังสือดิกชันนารี มันไม่ได้ยินเสียง ทำได้ยากมาก ท้อล์คกิ้งดิก จึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

ซัน ได้เงินค่าลิขสิทธิ์ 1.7 ล้านดอลล่าร์ มากกว่าเดือนละ 10,000 ดอลล่าร์ ที่เขาตั้งใจไว้เสียอีก จากนั้นเขาก็ทำอีกโครงการหนึ่ง ได้มาอีก 1.5 ล้านดอลล่าร์ เขานำเงินไปลงทุนเปิด บริษัท ซอฟท์แบงค์ เพราะยุคนั้นเป็นยุคพีซี มีฮาร์ดแวร์มากมาย แต่ขาดซอฟ์ทแวร์ เขาจึงรวบรวมซอฟ์ทแวร์ แล้วนำมาขายส่ง ทำให้ บริษัท ซอฟท์แบงค์ เติบโตมาจนทุกวันนี้

รวยแล้ว รวยอีก เขาลงทุนใน Yahoo ซึ่งยังเป็นสตาร์ทอัพเล็กๆ และลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ได้เงินอีกมากมาย เขามีรายได้ถึงสัปดาห์ละ 10,000 ล้านดอลล่าร์ และช่วงหนึ่ง เขารวยกว่าคนที่รวยที่สุดในโลก คือ บิล เกตส์ เสียอีก

เขารวยกว่า บิล เกตส์ ได้เพียง 3 วันเท่านั้นเอง แล้วฟองสบู่เทคโนโลยี ก็แตก เขาบอกว่ามันเหมือนกับตกเหว ความมั่งคั่งของเขาหายวับไปกับตา 99% หรือ 70,000 ล้านดอลล่าร์ ไม่มีมนุษย์คนใดในโลก จะสูญเสียทรัพย์สินมากไปกว่านี้อีกแล้ว

ชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แต่คนสู้ชีวิต และมีปัญญาคิดเสียอย่าง ยังไงก็เริ่มต้นใหม่ได้ วันนี้ เขาร่ำรวยมหาศาลอีกครั้ง ล่าสุด เขาตั้งกองทุนขนาดมหึมา 100,000 ล้านดอลล่าร์ เพื่อลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ และเพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น เมื่อวันที่ หุ่นยนต์มีสติปัญญาเหนือมนุษย์ มาถึง

ไม่เพียงแต่ ซัน เท่านั้นที่เชื่อเช่นนี้ หัวหน้าวิศวกรของ กูเกิ้ล ก็เชื่อเช่นกัน และกูเกิ้ล ก็กำลังเตรียมการเพื่อรองรับวันนั้น

เราก็ต้องมาคิดกันต่อว่า เราจะเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ถ้าถามผม ผมตอบว่าเชื่อครับ ว่าวันหนึ่งปัญญาประดิษฐ์ จะมีสติปัญญาเหนือมนุษย์ (ภาษาเทคนิคเรียกว่า Singularity) แต่จะเป็น 30 ปี หรือไม่ ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เผลอๆอาจจะเร็วกว่านั้นด้วยซ้ำไป

แล้วมันจะทำลายล้างมนุษย์หรือไม่ จะทำลายล้างกันเองไหม จะนำไปสู่ “วันสิ้นโลก” หรือไม่ ตรงนี้น่ากลัวมาก

ซัน บอกว่ามันจะเก่งกว่าเราทุกอย่าง แต่ก็ไม่ต้องกลัวมาก เพราะประวัติศาสตร์สอนเราว่า มนุษย์ก็ทำสงครามมาตลอด แต่ในที่สุดมนุษย์ก็ศิวิไลซ์ ขึ้น จึงเลือกที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ

เขาคิดว่า “หุ่นยนต์ ไอคิว 10,000”ก็น่าจะคิดเช่นนั้น และมันคงไม่ทำลายล้างมนุษย์ คงมีความศิวิไลซ์และเลือกอยู่อย่างสันติ ตรงนี้ ผมยังไม่แน่ใจว่าเขาจะถูกต้อง แต่ผมก็คงไม่มีโอกาสอยู่จนถึงวันนั้นหรอกครับ

อีกประเด็นหนึ่งที่ผมคิดเพ้อเจ้อไปเรื่อยๆก็คือ มนุษย์เรามี ไอคิว 100 ต้นๆ ก็ยังบ้าอำนาจ และนำความเก่งมาโกงกินได้อย่างร้ายกาจ แล้วเจ้าหุ่นยนต์ ไอคิวสูงถึง 10,000 มันจะโกงไหมนะ และจะโกงได้ร้ายกาจขนาดไหน

อีกประเด็นหนึ่ง มนุษย์ มีอายุขัยไม่เกิน 100 ปี ก็ยังโกงและสะสมทรัพย์สินมากมาย ทั้งๆที่ตายไปแล้ว เอาอะไรไปไม่ได้เลย แล้วเจ้าหุ่นยนต์มันจะตายไหมนะ ถ้ามันไม่ตาย มันจะยิ่งโกงหนักขึ้นไปอีกหรือไม่ แล้วตัวไหนจะมีอำนาจ ตัวไหนจะปฏิวัติ ล้มล้างอำนาจตัวที่ไม่มีคุณธรรม และมันจะรบกันด้วยวิธีใด ฯลฯ

ผมออกจะเพ้อเจ้อไปกันใหญ่แล้ว... สงสัยต้องไปขายพล็อตเรื่องให้ฮอลลีวูด เสียแล้วละครับ