พระเจ้าอยู่หัวผู้สถิตอยู่ในหัวใจปวงชนชาวไทยตลอดไป

พระเจ้าอยู่หัวผู้สถิตอยู่ในหัวใจปวงชนชาวไทยตลอดไป

ปวงชนชาวไทยภายใต้พระบรมโพธิสมภารของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งงดงามทรงคุณค่าเกินกว่าถ้อยคำใดๆ จะมาอรรถาธิบายได้

การร่วมแสดงความจงรักภักดีต่อพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เป็นภาพแห่งความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ พี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่าทั่วทุกสารทิศพร้อมใจที่จะเข้าร่วมในโอกาสที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของแผ่นดิน โดยมิย่อท้อหรือกริ่งเกรงต่อปัญหาอุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพดินฟ้าอากาศหรือการเดินทางที่หลายคนอาจต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางรอนแรมมาไกลมากเพื่อให้โอกาสครั้งสำคัญแก่ชีวิตของตนเองที่จะได้บอกเล่าถึงอนุชนรุ่นหลังว่า คนในแผ่นดินไทยรักและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยความตั้งใจจริงเพียงใด 

เชื่อว่าในระยะเวลาหนึ่งปีเต็มตั้งแต่ 13 ต.ค. 2559 วันแห่งความวิปโยคโศกเศร้าของคนไทยทั้งประเทศ แม้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พระภัทรมหาราช ของปวงชนชาวไทยจะเสด็จสู่สวรรคาลัย แต่พระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นที่พระองค์ได้ก่อร่างสร้างเสริมให้แก่แผ่นดินไทยยังคงเป็นที่กล่าวขวัญถึงและเป็นแบบอย่างที่รับรู้ทั่วกันทั้งคนในชาติและต่างประเทศอีกดาษดื่น 

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (sustainable economy) กลายเป็นสิ่งที่ทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงให้ความสำคัญ เริ่มพยายามทำความเข้าใจ “ศาสตร์แห่งพระราชา” ของพวกเราด้วยความเชื่อมั่นว่าเป็นทางเลือกที่จะสามารถพลิกฟื้นสร้างระบบเศรษฐกิจแบบคุณธรรมรูปแบบใหม่ให้การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมเป็นไปด้วยความเสมอภาคและสร้างความผาสุกให้คนทุกหมู่เหล่าได้จริง

สำหรับผู้เขียนได้มีโอกาสติดตามการเตรียมงานพระราชพิธีทั้งจากสื่อแขนงต่างๆ รวมทั้งได้ผ่านไปยังจุดคัดกรองหลายแห่งอันเนื่องด้วยภารกิจประจำที่ต้องเดินทางเข้าไปในบริเวณที่อยู่ใกล้เคียง ได้เห็นภาพแห่งความประทับใจไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ ยอมรับว่านับแต่วันที่ได้เข้ากราบพระบรมศพตั้งแต่ครั้งแรกได้เห็นความรักของประชาชนที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างสุดซึ้ง มิอาจหาคำบรรยายใดๆ ได้มาโดยตลอด 

ทั้งภาพของเจ้าหน้าที่ผู้ปฎิบัติงานฝ่ายตำรวจ ทหาร พลเรือน ที่มองเห็นและปฎิบัติต่อประชาชนผู้มาเข้าร่วมพิธีดุจญาติมิตรคอยดูแลอำนวยความสะดวกด้วยน้ำใจไมตรี ทำให้เห็นว่าช่องว่างระหว่างกลุ่มชนต่างๆ ในสังคมได้ถูกหล่อหลอมเข้าเป็นเนื้อเดียวด้วยพระบุญญาบารมีอย่างมิต้องสงสัย

ยิ่งในช่วงคืนก่อนวันพระราชพิธีฯ สื่อโซเชียลมีเดียกลุ่มต่างๆ ที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ด้วย มีทั้งกลุ่มข้าราชการ ภาครัฐและเอกชน นิสิตนักศึกษา กลุ่มสังคมต่างๆ ได้ส่งภาพแห่งความประทับใจของความสมัครพรักพร้อมของหมู่มหาประชาชนที่เฝ้ารอคอยการผ่านจุดคัดกรองสำคัญที่จะได้เข้าไปร่วมในพระราชพิธีอย่างใกล้ชิดที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ 

ทราบว่าทางราชการต้องเร่งเปิดจุดคัดกรองเร็วขึ้นกว่าเดิมที่กำหนดไว้ในเวลา 05.00 น.ของวันที่ 25 ต.ค. เป็น 04.00 น.ของวันดังกล่าว ไม่นับรวมถึงข้าราชการทุกหมู่เหล่าที่จะต้องมีส่วนร่วมในงานพระราชพิธีครั้งนี้เพื่อปฎิบัติหน้าที่สนองเบื้องพระยุคลบาทอย่างสมพระเกียรติยศที่สูงยิ่ง ต่างต้องเตรียมการในทุกกระบวนการอย่างเคร่งครัดและสมบูรณ์แบบซึ่งมิได้เป็นปัญหาอุปสรรคใดๆ ต่อความรักศรัทธาที่ประชาชนมีต่อพระเจ้าแผ่นดินผู้เป็นที่รักยิ่งพระองค์นี้เลย

ในวันที่ทุกคนจะได้เห็นภาพความจงรักภักดีที่ประชาชนชาวไทยต่างหลอมรวมใจเป็นหนึ่งเดียวเพื่อพระองค์ท่าน ซึ่งเป็นภาพที่จะต้องถูกเผยแพร่ไปทุกภูมิภาคของโลก ความยิ่งใหญ่ของพระมหากษัตริย์ที่นอกจากมีผู้เทอดพระเกียรติพระองค์ให้เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ เป็นที่รักยิ่งของพสกนิกร เป็นผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในห้วงสมัยแห่งกาลปัจจุบัน 

แต่เชื่อมั่นว่าสิ่งที่พระองค์ได้มอบให้กับปวงชนชาวไทยนั้นตลอดพระชนม์ชีพ กระทั่งถึงวันที่พระองค์ได้ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจแห่งประเทศและพสกนิกรทั้งหลายเป็นที่ประจักษ์นี้ คือ สิ่งที่พระองค์ต้องการเห็นความเจริญรุ่งเรืองและเดินไปในแนวทางการพัฒนาที่ถูกต้องเหมาะสมกับถิ่นฐานวัฒนธรรมขนบประเพณีของความเป็นไทย 

ที่แน่นอนว่าหากเราเดินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทในแนวปฎิบัติตามพระราชกรณียกิจและพระบรมราโชวาทของพระองค์ในวาระโอกาสต่างๆ จะเป็นยิ่งกว่าได้พบขุมทรัพย์หรือสิ่งมีค่าทั้งมวล เพราะสิ่งที่พระองค์ได้ทรงชี้แนะประทานหลักการดำเนินชีวิตให้พวกเรา คือ ประสบการณ์ตรงในชีวิตของพระองค์และเป็นมากกว่า “บทเรียน หรือ ตำรา” ที่นักคิดนักเขียนอื่นใดจะสามารถค้นหานำมารวบรวมไว้ได้ในบุคคลเพียงคนเดียว

พระองค์ทรงเป็นปราชญ์ผู้รอบรู้ทั้งหลักธรรมคำสอนในพระศาสนา เป็นนักยุทธศาสตร์การพัฒนา เป็นครู เป็นศิลปิน เป็นผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้พวกเราได้ริเริ่มสานต่อในสิ่งที่จะนำพาไปสู่ความเจริญงอกงามในชีวิตอย่างที่ควรจะเป็นด้วยความยั่งยืน ซึ่งในโอกาสแห่งพระราชพิธีสำคัญในครั้งนี้ หากปวงชนชาวไทยทั้งมวลจะได้น้อมนำเอาเหตุปัจจัยต่างๆ ตามหลักพระพุทธศาสนามาเจริญสติให้ได้รู้ ได้คิด ได้เห็นเป็นประจักษ์อย่างถ่องแท้แล้ว สิ่งที่จะต้องบูชาเหนือเศียรเกล้าคือ สิ่งที่พระมหากษัตริย์ผู้เป็นพ่อของแผ่นดินไทยได้ทรงปรารถนาจะเห็นความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับชาติบ้านเมือง ซึ่งหากเราสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ในห้วงเวลาแห่งชีวิตของพวกเราได้แล้วย่อมเป็นการแสดงได้ถึงความจงรักภักดีและเสมือนเป็นการสนองงานใต้เบื้องพระยุคลบาทได้อีกทางหนึ่งด้วย