เฟ้นหุ้นกำไรดีไตรมาส 3 ดักลงทุนก่อนงบฯออก
พิธีกร Stock Gossip by Money Wise ติดตาม live จ-ศ 13.30-14.00 น.
นักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นที่อยากลงทุนในช่วงดัชนีปรับฐานไปมาระหว่าง 1695 -1710 จุด คงกำลังปวดหัวและเลือกไม่ถูกเพราะหุ้นมีการสลับกันขึ้นมาทำราคาสถิติใหม่กันช่วงนี้มากขึ้น
หุ้นขนาดใหญ่ บ้างตัวราคาก็ไปไกลเกินพื้นฐาน หุ้นขนาดกลางยังมีราคาส่วนต่างให้ได้ลุ้นแต่ต้องรอข่าวเข้ามาหนุน ส่วนหุ้นขนาดเล็กแทบจะไม่ขยับเพราะนักลงทุนสถาบันและต่างชาติไล่ซื้อแต่หุ้นใหญ่ ดังนั้นหากจะเล่นหุ้นช่วงนี้น่าจะต้องมีเทคนิคผสมกับกลยุทธ์เข้าไปด้วย
ช่วงทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2560 เป็นช่วงที่น่าสะสมหุ้นที่ราคายังปรับขึ้นมาได้ไม่เยอะและมีประเด็นพื้นฐานให้ได้ลุ้น ซึ่งหลังจากกลุ่มธนาคารได้ประกาศผลประกอบการไปหมดแล้ว รอบต่อไปกลุ่มธุรกิจภาคเศรษฐกิจจริง (Real Sector) ที่จะเริ่มประกาศผลประกอบการไล่มาตั้งแต่ปลายเดือนต.ค.ไปจนถึงเดือน พ.ย.
โดยในช่วงไตรมาส 3 ปี 2560 เศรษฐกิจไทยยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว กลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากการใช้จ่ายของประชาชนมีจำกัด ซึ่งต้องเป็นธุรกิจที่มีปัจจัยเฉพาะอุตสาหกรรมเข้ามาหนุน
รวมไปกลุ่มที่อาศัยปัจจัยภายนอก เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ที่ราคาปรับตัวดีขึ้นไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น ราคาปิโตรเคมีพุ่งสูงขึ้น ทำให้กลุ่มธุรกิจเหล่านี้มีผลประกอบการโดดเด่น
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) คันทรี กรุ๊ป ได้แนะนำหุ้นในกลุ่มเซ็ท 100 ที่คาดการณ์ว่างบการเงินในไตรมาสดังกล่าวจะเติบโตดีทั้งเทียบกับไตรมาสก่อน และเทียบกับปีก่อน ซึ่งสามารถเลือกหุ้นเหล่านี้ลงทุนได้ จากระหว่างนี้มีแรงขายของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ออกมาหลังภาพโดยรวมผลการดำเนินงานออกมาค่อนข้างต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ทำให้ดัชนีหุ้นไทยผันผวน
หุ้นที่แนะนำในกลุ่มนี้เน้นไปที่กลุ่ม พลังงาน ปิโตรเคมี เช่าซื้อ และค้าปลีก โดดเด่นมากที่สุด คือ บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP), บมจ. ซีพีออลล์ ( CPALL), บมจ.บมจ. เมืองไทย ลิสซิ่ง (MTLS) , บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT), บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) , บมจ. ไทยออยล์ (TOP) และ บมจ. พีทีที โกลบอล เคมีคอล (PTTGC )
นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ Bloomberg Consensus ได้ปรับประมาณการณ์ผลประกอบการเพิ่มขึ้น ประกอบด้วย บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP), บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ ( BJC), บมจ. ควอลิตี้เฮ้าส์ (QH) , บมจ. แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) , บมจ.ศุภาลัย ( SPALI) , บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) และ TOP
หุ้นกลุ่มโรงกลั่น ได้ประโยชน์ หลังจากค่าการกลั่นปรับตัวสูงในช่วงที่ผ่านมารวมถึงคาดว่าจะได้กำไรจากการสต็อกน้ำมัน ( Stock Gain) เข้ามาหนุน กลุ่มสินเชื่อรายย่อยคาดว่าน่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในกลุ่มนี้หลังจากมีบางบริษัทประกาศผลประกอบการออกมาดีเกินคาด
แนะนำหุ้นเด่น คือ SAWAD ที่ได้ประโยชน์จากการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน บมจ. เงินทุน ศรีสวัสดิ์ (BFIT) ถือหุ้น 36.35 % ล่าสุดได้รายงานกำไรไตรมาส 3 ปี 2560 ที่ 54 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.5 % และรอบ 9 เดือนที่ 164 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 82.2 ด้วยฐานการเงินของบริษัทมีหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 2.78 เท่า ต่ำที่สุดในกลุ่มธุรกิจสินเชื่อรายย่อย
บล.ทิสโก้ ทยอยแนะนำหุ้น บมจ.โฮมโปรดักส์ เซ็นเตอร์ ( HMPRO) รายงานงบช่วงปลายเดือน ต.ค. จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ราว 1-2% จากปีก่อนที่หดตัวเมื่อ นอกจากนี้ในครึ่งปีหลัง มีการจัดงานโฮมโปรแฟร์และโฮมโปรเอ็กซ์โปร ถือเป็นช่วงฤดูกาลจับจ่าย โดยฝ่ายวิจัยมีโอกาสทบทวนประมาณการฯ หลังการรายงานงบเสร็จสิ้น
กลุ่มสื่อสาร บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) คาดกำไรอยู่ที่ 7,400 ล้านบาท กลับมาเติบโต 2.5% จากไตรมาสก่อน และ 13.3% จากปีก่อน ตามรายได้ค่าบริการ (ไม่รวมค่า IC) ที่เติบโตต่อ ขณะที่ต้นทุนบริการ (ไม่รวมค่า IC) ทรงตัว ส่วนกำไรไตรมาส 4 ปี 2560 จะะเติบโตจากไตรมาสก่อนและปีก่อน ส่วนปี 2561กำไรเพิ่มขึ้นทุกไตรมาส
ขณะที่หุ้นในกลุ่มพลังงานบางบริษัท จะทยอยประกาศงบช่วงต้นเดือน พ.ย. หุ้น IRPC คาดกำไรสุทธิ 3,100ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 157% จากไตรมาสก่อน มีราคาสเปดที่ดีขึ้น ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และปิโตรเคมีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมทั้งการบันทึกกลับเป็นกำไรจากสต๊อกน้ำมัน และอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการปี 2560 แต่มีโอกาสปรับเพิ่มประมาณการปี 2561 จากทิศทางการดำเนินธุรกิจที่สดใส