วัดปรอทหุ้นคาราบาวฯ ทุบสถิตินิวไฮด์ขยับเป้า109 บาท

หุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง โดยราคาหุ้นขึ้นไปทำราคาสูงสุดนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ที่ 100 บาท

ราคาปิดที่ 98.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท เปลี่ยนแปลง 2.34 % ทำราคาสูงสุดที่ 100 บาท ต่ำสุดที่ 97 บาท (18 ต.ค) หากนับตั้งแต่ต้นปี ราคาหุ้นปรับตัวบวกขึ้น 22.25 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 30 %

การปรับตัวขึ้นมาของราคาหุ้นในรอบนี้ ต่างคาดหวังว่ายอดขายในต่างประเทศที่ คาราบาวฯ ไปปักหมุดไว้ในตลาดยุโรปและตลาดจีน จะมียอดขายโดดเด่นในช่วงไตรมาส 3 ปี 60 ส่งผลถึงการเติบโตรายได้และกำไรในปีนี้ไปด้วย

ธุรกิจของคาราบาวฯ เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม ภายใต้แบนด์ ‘คาราบาวแดง’ มีทั้งเครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ กาแฟ และน้ำดื่ม รอบครึ่งปีแรกปี 60 มีรายได้ 7,014 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.2 % มีกำไร 647 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 15 % มาจากการรับรู้ผลขาดทุนบริษัท คาราบาว อินเตอร์ จำกัด ที่ประเทศอังกฤษ

โดยเน้นหนักที่ตลาดภายในประเทศเป็นหลัก ในตลาดผู้ใช้แรงงานที่ต่างจังหวัด  ด้วยการใช้กลยุทธ์การตลาดแบบ ‘กินทีละคำทำทีละเมือง’  เนื่องจากการแข่งขันกับผู้เล่นในตลาดอันดับ 1 เอ็มร้อย 150 และ อันดับ 2 กระทิงแดง ยังมีอุปสรรคและกีดกันผู้เล่นหน้าใหม่

หลังจากเข้าตลาดหุ้นแล้ว บริษัทเริ่มเบนเข็มเข้าสู่ตลาดโลกชัดเจน จากสัดส่วนยอดขายส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปีก่อนอยู่ที่ 34 % ของยอดขายขึ้นมาอยู่ที่ 40 % และยังต้องการขยายตลาดนี้ให้เพิ่มขึ้นไปเป็น 50 % ในปี 61

หากดูจากพื้นทีที่เข้าไปเจาะตลาดมีทั้งอาเซียน เอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ซึ่งยอดขาย 6 เดือนแรกปี 60 ประเทศกัมพูชามียอดขายมากที่สุด อยู่ที่ 1,146 ล้านบาท ขณะที่ประเทศ จีนซึ่งพึ่งนำสินค้าเข้าไปขายในปีนี้ ขึ้นมาทำยอดขายในอันดับ 2 ที่ 612 ล้านบาท

อีกตลาดหนึ่งที่น่าสนใจคือตลาดยุโรป มีการลงทุนจัดตั้งบริษัทใช้เป็นศูนย์กระจายสินค้าซึ่งไม่ได้ง่าย เช่นเดียวกับการทำการตลาดในประเทศ เพราะช่องทางการจำหน่าย จากผู้ประกอบการร้านค้าสมัยใหม่ยังทำได้ไม่ดีพอ

ดังนั้นจึงหันมาทุ่มเงินควบคู่ไปกับกีฬา เพื่อให้แบนด์และสินค้าเข้าสู่ตลาดโลกมากขึ้น ด้วยการเป็นผู้สนับสนุน สโมสร ฟุตบอล Chelsea Football Club Limited และEnglish Football League ที่ประเทศอังกฤษ

เฉพาะเม็ดเงินเป็นผู้สนับสนุนสโมสรเชลชีคิดเป็น มูลค่า 30 ล้านปอร์ด หรือ 1,620 ล้านบาท ล่าสุดยังได้ต่อระยะเวลาสัญญาจาก 3ปี เป็น 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในปี 64 ด้วยเงินทุนอีก 3 ล้านปอนด์ตลอดอายุสัญญา เพื่อเป้าหมายขึ้นเป็นอันดับ 3 จากปัจจุบันอยู่ที่อันดับ 4 มีจำนวนขาย 7.14 แสนกระป๋อง

ขณะที่ประเทศจีน จากเดิมที่ทำเหมือนในยุโรปด้วยการตั้งบริษัทได้ยกเลิกไปเป็นเพียงการผลิตและส่งออกไปขาย ให้กับคู่ค้าเพื่อกระจายสินค้าหลายมณฑลทั่วประเศจีน จนมีสัดส่วนต่อยอดขายขึ้นทันที 9 %

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง ประเมินหุ้นคาราบาว ฯ หลังราคาปรับตัวขึ้นมาแตะ 100 บาท มาจากการเติบโตในจีนและอังกฤษเร็วกว่าที่คาดการณ์ จึงได้มีการปรับประมาณการณ์ยอดขายและกำไรรอบใหม่ในปี 61-65 เพิ่มขึ้น 16.4-50.1% เพื่อสะท้อนมุมมองเชิงบวกที่มากขึ้นต่อยอดขายในสองตลาดนี้ แต่ก็ยังมีโอกาสที่บริษัทจะทำกำไรได้มากกว่าที่ประเมินพร้อมปรับราคาเป้าหมายเป็น 109 บาท แนะนำ’ซื้อ’ ลงทุนจากเดิมให้ ‘ถือ’

ประมาณการณ์ยอดขายในจีน ปี 61 ขึ้นมาอยู่ที่ 380 ล้านกระป๋อง จากเดิม 265 ล้านกระป๋อง จากเป้าหมายของบริษัทอยู่ที่ 300-500 ล้านกระป๋อง ทำให้ยอดขายในจีนจะผ่านจุดคุ้มทุน ที่ 600-700 กระป๋องตั้งแต่ปี 63 และบริษัทจะมีส่วนแบ่งการตลาด 10% ในปี 65

ส่วนยอดขายที่อังกฤษปี 61 เพิ่มเป็น 37 ล้านกระป๋อง จากเดิม 26 ล้านกระป๋อง บริษัทมีเป้าหมายอยู่ที่ 50-60 ล้านกระป๋อง ดังนั้นคาดว่าปี 64 บริษัทจะมีปริมาณยอดขาย 100 ล้านกระป๋อง ซึ่งเท่ากับส่วนแบ่งตลาดที่ 5.5%

อย่างไรก็ตามแม้ว่าได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรค่อนข้างมากแล้ว แต่เชื่อว่ามีโอกาสบริษัทจะทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากประมาณการยอดขายใหม่ที่คาดการณ์สำหรับตลาดในจีนและอังกฤษ ยังต่ำกว่าเป้าหมายของบริษัท 30%

รวมทั้งขนาดของตลาดโลกที่ใหญ่มากรวมถึงบริษัทมีโอกาสค่อนข้างสูงที่จะแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดได้ ด้วยเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวฯได้รับเสียงตอบรับจากผู้บริโภคดีกว่าที่คาด แบรนด์เริ่มเป็นที่จดจำและเป็นที่นิยมในเกือบทุกตลาดที่บริษัทเข้าไป เชื่อว่ามีความสามารถที่จะขึ้นเป็นอันดับต้นๆ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้นำตลาดในหลายประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศ CLMV