การตลาดกับวิกฤตวัยกลางคน ทำเงินบนความทุกข์ใจ

การตลาดกับวิกฤตวัยกลางคน ทำเงินบนความทุกข์ใจ

เคยสังเกตคนรอบตัวที่พอมีอายุสักหน่อยว่าพวกเขามีพฤติกรรมเปลี่ยนไปหรือไม่? หรือจู่ๆก็ซื้อรถหรูราคาแพงจนเป็นหนี้สิน ทั้งที่ไม่เคยมีนิสัยแบบนี้

ภาวะวิกฤตวัยกลางคน(Mid Life Crisis)สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ โดยทั่วไปเชื่อว่าจะเกิดในช่วงอายุ35-50ปี ซึ่งคนในวัยนี้มักจะทบทวนชีวิตที่ผ่านมาและเวลาที่ยังหลงเหลืออยู่ ในเมื่อเวลามีน้อยก็ควรจะใช้ชีวิตให้มีความสุขถึงจะถูก เพราะที่ผ่านมาใช้ชีวิตอย่างเคร่งเครียดกับการทำงานหามรุ่งหามค่ำโดยตลอด

สุดท้ายก็อาจลาออกจากงานที่มั่นคงไปทำอะไรแปลกใหม่ บางคนอาจจบชีวิตคู่ด้วยการหย่าร้าง หรืออาจใช้เงินเก็บทั้งหมดที่มีไปซื้อรถหรูหรือซื้อของฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น โดยอ้างว่าให้รางวัลกับชีวิต ในบางกรณีก็ส่งผลให้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้ ซึ่งภาวะนี้ไม่ใช่โรค เป็นอาการทางจิตวิทยา ซึ่งมีสาเหตุมจากหลายปัจจัย บางรายอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย บางรายก็อาจพบกับเรื่องรุนแรงที่สะเทือนใจหรือสูญเสียบุคคลที่รัก เป็นต้น

แม้จะดูเป็นเรื่องใจร้ายถ้าจะหาผลประโยชน์จากกลุ่มคนที่มีอาการแบบนี้ แต่เราก็ยังเห็นแบรนด์ต่างๆทำการตลาดกับคนวัยนี้จำนวนมาก เพราะรู้ว่าเป็นกลุ่มคนที่ซื้อง่ายขายคล่อง ‘เดวิด เบรนบริดจ์(David Brainbridge)’ผู้เขียนหนังสือ”Middle Age : A Natural History” อธิบายกลยุทธ์ของบางธุรกิจเช่น ธุรกิจรถหรู ซึ่งได้ผลดีกับผู้ชายในวัยนี้ที่ขับรถขนาดเล็ก หรือรถแวนสำหรับครอบครัวมาตลอดชีวิตการทำงาน ค่ายรถจึงพยายามนำเสนอคุณค่าการเป็นรถในฝัน หรือเป็นเกียรติประวัติแห่งชีวิตเพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ามันถึงเวลาที่เขาจะต้องตอบแทนตัวเองให้คุ้มค่าได้แล้ว จึงไม่ใช่ภาพที่แปลกตาถ้าเราจะเห็นบรรดาหนุ่มใหญ่ขับซุปเปอร์คาร์โดยที่มีสาวสวยคราวลูกนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ

นอกจากนี้ธุรกิจการท่องเที่ยวและกีฬาถือว่าทำตลาดได้น่าสนใจ โดยนำเสนอแพ็คเกจการท่องเที่ยวแบบผจญภัย(Adventure Travel)ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต หรือไปพบเจอสถานที่แปลกใหม่ที่น้อยคนจะเข้าถึงได้ นี่เป็นส่วนที่จะตอบโจทย์สิ่งที่อยากจะทำให้ได้สักครั้งก่อนตาย(Bucket List)ของวัยกลางคน ในแต่ละปี จะมีนักท่องเที่ยวรุ่นใหญ่จำนวนมากเดินทางไปที่ดูไบ ลาสเวกัส หรือ ซานฟรานซิสโก เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆอยู่เสมอ นี่เป็นส่วนหนึ่งของกระแส’สุขนิยม(Hedonism)’ที่มุ่งสร้างความพึงพอใจให้ตนเองเป็นหลักเพราะคิดว่าจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้ ชีวิตแสนสั้น จึงต้องมีความสุขกับแต่ละวันที่ยังมีลมหายใจและเชื่อว่าเป็นการบรรลุเป้าหมายในชีวิต(Life Accomplishment) อยากทำอะไรก็ได้ทำ อยากมีอะไรก็มีได้

นอกจากเรื่องวัตถุภายนอกแล้ว คนที่พบกับภาวะนี้ยังมีโอกาสสูงที่จะใช้บริการธุรกิจเสริมความงาม ทำศัลยกรรมยกเครื่องทั้งตัว เพื่อให้ตัวเองดูเด็กลง ไม่เพียงแต่สาวใหญ่ที่เสพติดมีดหมอเท่านั้น ปัจจุบันตัวเลขของหนุ่มใหญ่ที่ใช้บริการแบบนี้ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทกปี ด้วยเชื่อว่าพวกเขาจะกลายเป็นคนใหม่(Transformation)และมีชีวิตใหม่

นี่เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น ยังมีหลายธุรกิจที่ใช้โอกาสจากภาวะวิกฤตวัยกลางคนเพื่อทำเงินอย่างเช่นธุรกิจที่เล่นกับความเชื่อ หรือการลงทุนบางอย่างที่ทำให้ผู้คนหมดเนื้อหมดตัวหรือบ้านแตกสาแหรกขาดก็มี ดังนั้น สติจึงยังเป็นเรื่องสำคัญเสมอสำหรับทุกขณะของชีวิต เราสามารถเยียวยาตนเองด้วยการออกกำลังกาย การปรึกษาคนรอบข้าง หรือหากิจกรรมอื่นทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เป็นต้น

คนรอบข้างก็ต้องใส่ใจคนใกล้ตัวด้วย เพราะกำลังใจยังเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือ คนสูงวัยก็ตามที