I’mpossible

I’mpossible

Nothing is impossible;  the word itself says I’m possible!

เราจะอยู่กับโลกที่เทคโนโลยีแย่งงานมนุษย์ได้อย่างไร คำตอบคือ ต้องทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้

“We’ve talked about Growth and Fixed Mindset. Let’s see how we use it in organization.” ผมกล่าวกับผู้บริหารแบงค์ชาติกว่ายี่สิบท่าน ระหว่างหนึ่งสัปดาห์ของหลักสูตร Advanced Leadership Development

คุณผู้อ่านที่ติดตามกันมาคงยังพอจำเรื่อง Mindset ได้ ผมเคยเขียนถึงงานของ Dr.Carol Dweck ไว้ใน “ชมอย่างไรให้เติบโต” กล่าวถึงวิธีคิดสองประเภท Growth Mindset อันมาจากความเชื่อว่าสมองพัฒนาได้เหมือนกล้ามเนื้อที่ออกกำลัง กับ Fixed Mindset ซึ่งเกิดจากความเชื่อว่าสมองมนุษย์ไม่เปลี่ยนแปลง คนฉลาดจะฉลาดเรื่อยไป ส่วนคนโง่ก็จะโง่เรื่อยไปเช่นกัน 

หัวใจจริงๆอยู่ที่คำว่า Mindset คือวิธีการคิดของเรา สถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ทุกคนมีทางเลือกเสมอว่าจะใช้มุมมองแบบ Growth หรือแบบ Fixed 

“MORE WORK; SAME PAY” เมื่อองค์กรให้คุณทำงานมากขึ้นแต่จ่ายเงินเดือนเท่าเดิม 

“อ๋อ อาจารย์หมายถึงกลุ่ม Hi-Potential ใช่ไหม” ผู้บริหารท่านหนึ่งแทรกขึ้น เรียกเสียงหัวเราะอย่างครื้นเครง

ภายใต้คอลัมน์ Fixed Mindset ให้ช่วยกันคิดว่าหากเราใช้วิธีมองแบบตีบตันจะเกิดทัศนะคติใดบ้าง “ไม่ใช่งานของฉัน” “ทำแล้วได้อะไร ครั้งที่แล้วก็เหนื่อยฟรี” “ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น” “จะหลบได้อย่างไรบ้าง”  ความเห็นพรั่งพรูอย่างชำนาญ

เปลี่ยนมาคอลัมน์ Growth Mindset บ้าง ให้ช่วยกันคิดการมองแบบเติบโต คราวนี้ห้องกลับสะดุด

“เอ่อ เป็นความท้าทาย?”  มีความเห็นอย่างกลัวๆ กล้าๆ “ไม่เคยทำจะได้ทำเป็น”  อีกเสียงเสริมบ้าง “ถ้าไม่ทำแล้วใครจะทำ” “องค์กรต้องการคุณ”  “นี่ละโอกาสแสดงความเป็นผู้น” สักพักเครื่องเริ่มติด

การฝึกทักษะ Growth Mindset คือจุดเริ่มต้นแห่งการเดินหน้าสู่โลก 4.0

ข้อคิดของผู้นำสมอง

1. To do the impossible is the future จุดแข็งของหุ่นยนต์คือสมองส่วนหน้าแห่งเหตุผล จุดแข็งของมนุษย์คือสมองส่วนหลังแห่งอารมณ์ 

ศิลปะเป็นอาชีพหนึ่งซึ่งเทคโนโลยีแย่งยาก แต่หากมองจริงๆ งานศิลป์เป็นเพียงการสร้างจินตนาการที่โลกไม่เคยมีมาก่อน แก่นของมันไม่ใช่ art แต่คือความ impossible ดังนั้นไม่ว่าคุณจะทำงานอะไร เป็นศิลปะหรือวิทยาศาสตร์ หัวใจการเอาชนะเครื่องจักรคือการทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้

“NO BUDGET” ผมเขียนอีกหัวข้อ คอลัมน์ Fixed Mindset ถูกกรอกอย่างรวดเร็วเช่นเคย “they are crazy” “เพ้อเจ้อ” และ “impossible” แต่พอข้ามมาฟาก Growth Mindset คราวนี้ทั้งห้องเงียบ จะให้มองงานที่ไม่มีเงินสนับสนุนให้เป็นไปได้ได้อย่างไร

2. It’s Fun ผมบรรจงเขียน “ความสนุก” ลงไปตัวโตๆ จุดเริ่มต้นของ I’mpossible เริ่มจากตรงนี้ 

ความเครียดทำให้สมองตีบตัน ความครึกครื้นทำให้สมองเติบโต “ลองคิดดูสิ... ใครๆก็ทำงานแบบมีเงินสนับสนุนมากมายได้ anyone can do a project that has plenty of support แต่จะมีสักกี่คนทำงานที่ไม่มีงบสนับสนุนให้สำเร็จได้ แล้วถ้าคนๆ นั้นเป็นเรา” แค่คิดก็สนุกแล้ว 

ผมยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่ผู้นำเกิดขึ้นจากโครงการที่ใครๆบอกว่า “เป็นไปไม่ได้” ทั้ง Google, SpaceX ของ Elon Musk, Alibaba ของ Crazy Jack, และเรื่องของคุณดอยกับทีม ผู้สร้างหนังสื่อสารวัฒนธรรมองค์กรระดับ GDH 559 ด้วยวงเงินเพียงแสนเดียว

3. It’s a Choice ทักษะที่ผมฝึกกับผู้บริหารในห้องคือ 1) ฟัง 2) ตระหนัก 3) เลือก 

สมองทำงานแบบ Input Process Output แต่พอประสบการณ์มาก ข้อมูลเข้าเริ่มกระโดดไปข้อมูลออกเลยเพราะเร็วดี ตอนเด็กๆ เราถามคำถามมากมายอย่างสนใจความเป็นไปได้ของคำตอบ พอโตหน่อยโรงเรียนสอนเราว่าไม่ต้องสนใจคำถามแค่ขอให้จำคำตอบได้ สุดท้ายพอทำงาน องค์กรก็ตัดสินเราด้วยความรวดเร็วในการปฎิบัติตามกระบวนการที่กำหนดไว้ จนไม่เหลือเวลาให้ได้ Process ข้อมูล 

ความเร็วกับสมองเป็นศัตรูกัน ยิ่งเร็วยิ่งชุ่ยสมองยิ่งชอบ หากอยากเป็นผู้นำสมองต้องช้าและมองหาทางที่ใช่

4. The Age of I’mpossible ข่าวดีคือไม่มียุคใดพร้อมต่อการเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้มากกว่า 21st Century 

ทั้ง Grab Airbnb Waze ล้วนเกิดขึ้นได้เพราะตัวช่วยแห่งเทคโนโลยี เมื่อปี 2016 ผมสัมภาษณ์ Dr.Michio Kaku ผู้เขียนหนังสือ Physics of The Future ท่านบอกว่า “Today, your cell phone has more computer power than all of NASA back in 1969 when it sent two astronauts to the moon. The Sony PlayStation, which costs $300, has the power of a military supercomputer which cost millions of dollars.” อนาคตอยู่ในมือเราจริงๆ

ดังนั้นจงหยุดใช้เวลาเล่น Facebook ไปวันๆ หยุดก้มหน้าเช็คอีเมลทำงานซึ่งใกล้สูญพันธุ์ แล้วเริ่มมองโอกาสทำสิ่งที่(เคย)เป็นไปไม่ได้ให้ I’mpossible ครับ