อายุยืนอย่างมีคุณภาพ (3)

อายุยืนอย่างมีคุณภาพ (3)

ครั้งที่แล้วผมเขียนถึง การวิจัยของ Dr. David Sinclair และ Dr. Leonard Guarente ซึ่งมองต่างมุมจากแนวคิดหลักในปัจจุบัน

เกี่ยวกับการแก่ตัวของมนุษย์ โดยนักวิจัยทั้งสองสังเกตว่าการแก่ตัวนั้นชะลอลงได้โดยการอดอาหาร (ลดการบริโภคแคลอรี) และการออกกำลังกาย ดังนั้นจึงต้องการค้นคว้ากระบวนการของร่างกายในระดับเซลที่กระตุ้นการชะลอความแก่ดังกล่าว และประสบความสำเร็จจากการทดลองใน Yeast ไส้เดือน แมลงวัน และล่าสุดคือหนู จึงกำลังมีความพยายามทดลองกับมนุษย์ แต่ก็มีข้อจำกัดอยู่มาก อย่างไรก็ดีนักวิจัยทั้งสองมีความมั่นใจในระดับหนึ่งว่าจะมีการผลิตยาที่ชะลอความแก่ หรือหมุนเวลากลับจากแก่เป็นหนุ่มได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ข้อสรุปของการวิจัยในแนวนี้คือ ยีน Sirtuins (ซึ่งมีอยู่ทั้งสิ้น 7 ตัว) เป็นยีนหลักในการควบคุมความแก่และป้องกันโรคภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Sirt1 ดังนั้น จึงมุ่งเน้นที่จะกระตุ้นการทำงานของ Sirt1 โดยในขั้นแรกค้นพบว่า Resveratrol (ที่มีอยู่ในไวน์แดง) สามารถกระตุ้น Sirt1 แต่เวลาผ่านมา 14 ปีแล้ว ก็ยังไม่สามารถผลิตยาออกมาได้ แต่มีการวิจัยเพิ่มเติมและค้นพบว่า NAD+ มีความสำคัญในการควบคุมและกระตุ้น Sirt1 อีกทีหนึ่ง และ NAD+ นั้น ลดจำนวนลงเหลือครึ่งหนึ่งเมื่อแก่ตัวลง จึงได้มีการค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าสามารถใช้ NMN และ/หรือ NR ซึ่งเป็นสารตั้งต้น (pre-curser) ของ NAD+ เพื่อเพิ่มจำนวน NAD+ ให้กลับมาเท่าเทียมกับตอนที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวได้

การเพิ่มขึ้นของ NAD+ นั้น เชื่อว่านำไปสู่การมีอายุยืนยาวและมีสุขภาพที่ดีได้ แต่ก็ยังมิได้มีการทดลองกับมนุษย์ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงดังกล่าว Dr. Sinclair ได้ทดลองให้ NMN กับหนูแล้ว และได้ผลที่น่าพอใจคือ หนูที่อายุ 2 ขวบ (เทียบเท่ากับคนอายุ 60 ปี) เมื่อได้บริโภค NMN แล้ว ก็จะกลับมามีพลัง และมันสมองไม่แตกต่างไปจากหนูอายุ 6 เดือน (โดยได้นำเอาอวัยวะสำคัญ ๆ ของหนูทั้งสองกลุ่มไปให้ห้องปฏิบัติการวิจัยอิสระ ตรวจ และรายงานจากห้องแลปดังกล่าว สรุปว่าไม่สามารถพบความแตกต่างของอวัยวะของหนูอายุ 6 เดือนกับหนูอายุ 2 ปี) Dr. Sinclair อ้างว่ากำลังเริ่มการทดลองกับมนุษย์ในเดือนก.ย.นี้ แต่ก็เป็นการทดลองกับคนจำนวนไม่มาก และคงจะทดสอบว่า การบริโภค NMN กระตุ้น NAD จริงหรือไม่ และไม่มีผลกระทบในทางลบจริงหรือไม่ สำหรับประโยชน์จากการบริโภค NMN ในการทำให้อายุยืนนั้น คงจะต้องติดตามผลอีกยาวนาน เพราะมนุษย์ไม่เหมือนหนูที่มีอายุยืนเพียงประมาณ 2-3 ปี

แนวทางของการพัฒนาสาร Resveratrol NMN และ NR เพื่อไปสู่การผลิตออกมาเป็นตัวยาเพื่อใช้ “รักษาโรคแก่” นั้นดูเสมือนว่าจะมีทิศทางดังต่อไปนี้

  1. NR : บริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตร NR คือ บริษัท Chromadex และปัจจุบันจำหน่าย NR โดยใช้ชื่อว่า Niagen และได้ทำการทดลองเก็บข้อมูลการใช้ NR ว่าได้ผลในการเพิ่ม NAD+ ในร่างกายมนุษย์ และไม่มีผลข้างเคียงในเชิงลบ การพิสูจน์ว่า NAD+ ช่วยหมุนเวลากลับนั้นยังพิสูจน์ไม่ได้ นอกจากนั้น Chromadex ก็ยังมีดำริที่จะขออนุญาตนำ NR ไปทำการทดสอบกับมนุษย์ (clinical trial) แบบรวบรัด (fast-track) สำหรับการรักษาโรค Cockayne Syndrome ซึ่งเป็นความบกพร่องของ DNA ทำให้ผู้ที่เป็นโรคนี้แก่ตัวอย่างรวดเร็ว (เด็กอายุ 8 ขวบ มีร่างกายเหมือนคนอายุ 60 ปี) จึงมีอายุยืนเพียง 10 ปี และไม่เกิน 20 ปี การทำ clinical trial ดังกล่าวจะมีต้นทุนต่ำกว่ามาก เพราะจะมีกระบวนการที่รวบรัด เนื่องจากเป็นโรคที่มีความรุนแรง และมีผู้ที่เป็นโรคนี้มีจำนวนน้อยมากไม่กี่พันคนในโลก
  2. ในส่วนของ Glaxo Smith Kline ที่ซื้อบริษัท Sitris Pharmaceuticals ไปจาก Dr.Sinclair ในราคา 720 ล้านดอลลาร์ เมื่อ 10 ปีก่อนนั้น (โดยยังได้แต่งตั้งให้ Dr. Sinclair เป็นที่ปรึกษาในการพัฒนายาแขนงนี้) ก็กำลังพัฒนา Resveratrol และ NMN เพื่อใช้ในการรักษาโรคเฉพาะทาง ซึ่งเข้าใจว่ากำลังพัฒนาให้เป็นยาเพื่อรักษาโรคเบาหวาน แต่ Dr.Sinclair ได้เคยกล่าวสุนทรพจน์ว่า ยาดังกล่าวจะมีผลกระทบข้างเคียงคือ ช่วยให้หัวใจแข็งแรงขึ้น ป้องกันโรคสมองเสื่อม และมะเร็งตลอดจนจะเพิ่มกำลังวังชาของร่างกายเป็นต้น
  3. สำหรับ Dr. Leonard Guarente นั้น ก็ได้ก่อตั้ง บริษัท Elysium ขึ้น เพื่อจำหน่ายยาบำรุงชื่อว่า Basis ที่มี ส่วนผสมคือ NR และ pterostilbene ที่พบว่าเป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูร่างกาย โดยขายเฉพาะ on-line และส่งเสริมให้ลูกค้าเป็นสมาชิกเพื่อให้เป็นลูกค้าประจำ และสร้างความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยแต่งตั้งนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงเป็นกรรมการของบริษัท อาทิเช่น นักวิทยาศาสตร์ ที่ได้รับรางวัลโนเบลเป็นกรรมการของบริษัทอยู่ถึง 7 คน สำหรับ pterostilbene นั้น พบว่าสามารถซึมซับเข้าไปในร่างกายได้ดีกว่า Resveratrol 4 เท่า และมีคุณประโยชน์คล้ายคลึงกับ Resveratrol

ดังนั้น จึงสรุปได้ว่านักวิจัยแนวทางนี้มีความเชื่อมั่นว่าเขาได้ค้นพบกระบวนการควบคุมการแก่ตัวของสัตว์และมนุษย์แล้ว โดยยีน Sirtuins นั้น เป็นตัวกลางสำคัญในการควบคุมการประสานงานและกระตุ้นการทำงานร่วมกันของ nucleus ของเซลและ Mitochondria แนวทางในการหา “ยาวิเศษ” เพื่อชะลอความแก่และรักษาสุขภาพของมนุษย์คือการแสวงหาวิธีการหรือสารกระตุ้น Sirtuins (โดยเฉพาะ Sirt1) ซึ่งมีสารที่อยู่ในข่ายดังกล่าว คือ NR, NMN (ผ่าน NAD+) และ Resveratrol ดังนั้น ในช่วง 5-10 ปี ข้างหน้าจึงน่าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญที่จะต้องติดตามดูว่าจะสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าการให้มนุษย์บริโภคสารดังกล่าวนั้นจะสามารถชะลอความแก่และฟื้นฟูสุขภาพให้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้ ดังที่สามารถทำให้เกิดขึ้นได้แล้วใน Yeast ไส้เดือน และหนู ครับ