ล่าก๊วน‘เงินทอนวัด’ ตามทรัพย์คืนแผ่นดิน

ล่าก๊วน‘เงินทอนวัด’ ตามทรัพย์คืนแผ่นดิน

วันก่อนมีการเข้าตรวจค้นบ้านหรูย่านราชพฤกษ์ ตามหมายค้นในคดี“เงินทอนวัด” ที่ถือในชื่อเด็กสาววัย 20 ปีเศษ

เป็น“ลูกติด” นางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ ภรรยาจดทะเบียนสมรสของนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการสำนักพุทธฯ

บ้านหลังนี้อยู่ในโครงการหรู มีราคาซื้อขายเมื่อปี 2556 ในห้วงการกระทำความผิด 49 ล้านบาท

มีคำอธิบายว่าเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเป็นบ้านของนายนพรัตน์ จริงหรือไม่?

พร้อมชี้แจงแสดงพยานหลักฐาน ว่าได้รับการยืนยัน“ความเป็นเจ้าของ”

แต่ความจริงก็คือบ้านหลังนี้ไม่ได้มีการปิดบังอำพรางถึงขั้นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับอดีตผอ.พศ.รายนี้

และเป็นที่เปิดเผยว่าทั้งนายนพรัตน์ พร้อมภรรยาตามกฎหมาย พร้อมลูกสาวที่ติดมากับภรรยา พร้อมด้วยคนขับรถและแม่บ้านอีก 2 คน ใช้ชีวิตเป็นปกติอยู่ในบ้านหลังนี้

เพียงแต่ช่วง 1 ปีที่ผ่านมาไม่มีใครเห็นหน้าคนในครอบครัว คงเหลือแต่แม่บ้าน 2 คน เฝ้าบ้าน ก็เป็นเพราะ“ไหวตัว”หลบไปใช้ชีวิตในต่างประเทศจวนๆ จะครบปี

ตรงนี้ต่างหากที่น่าสนใจว่าย่อมหมายถึงนายนพรัตน์ รู้ตัวล่วงหน้าถึงวิบากกรรมที่จะเกิดขึ้น จนมีเวลามากพอที่จะเตรียมการหอบครอบครัวบินออกนอกประเทศ

และแม้ว่าจะมีข่าว“แพลม”ออกมาว่าหนีไปบวชเป็นพระอยู่ในวัดไทยแห่งหนึ่งในสหรัฐ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้หรือไม่

รวมทั้งประเด็นสำคัญในการติดตามเงินและทรัพย์สินแผ่นดินกลับคืนมา

เพราะดูเหมือนว่าย่างก้าวในการดำเนินคดี จะมีเหตุให้อดีตผอ.สำนักพุทธฯรายนี้ ได้รู้ตัวล่วงหน้าจนสามารถรับมือได้

เหมือนอย่างการเข้าตรวจค้นบ้านหลังใหญ่เมื่อวันก่อน ก็ยังปรากฏว่ามี“มือดี”เข้ามาดอดขนลังเอกสารออกจากบ้านไปจนเต็มรถกระบะ

วันนี้มีการออกหมายจับนายนพรัตน์ แต่เจ้าตัวก็บินไปไกลอีกซีกโลก

ขณะที่ผู้เกี่ยวข้องคนอื่นถูกประกาศชื่อออกสื่อมาแล้วหลายสัปดาห์ ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะนั่งตบยุงรอให้ออกหมายจับอยู่หรือไม่

พ.ต.อ.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ รอง ผบก.ปปป.ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุว่าทุกอย่างงวดเข้ามาและใกล้ปิดคดี เพราะรู้ตัวผู้เกี่ยวข้องแล้วทั้งหมด

แต่จะจับได้ทุกคน ตามเงินหลวงคืนได้ทุกบาทหรือไม่คงต้องติดตาม !!!