ก้าวถัดไปของ Abenomics

ก้าวถัดไปของ Abenomics

ก้าวถัดไปของ Abenomics

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ในสภาญี่ปุ่นที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดราว 1 ปี หลังจากนายอาเบะประกาศยุบสภาเพื่อฉวยโอกาสจังหวะคะแนนความนิยมที่กลับมาดีขึ้นในเดือนกันยายนที่ผ่านมาสู่ระดับเกือบ 50% จากที่ร่วงต่ำกว่า 30% ในเดือนกรกฎาคมจากข่าวฉาวเรื่องการอื้อผลประโยชน์ให้พวกพ้อง โดยปัจจัยสนับสนุนคะแนนที่กระเตื้องขึ้นมาจากการปรับคณะรัฐมนตรี และท่าทีที่ชัดเจนของรัฐบาลต่อการจัดการปัญหาการทดสอบยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ส่วนมากยังคาดการณ์ว่าพรรค LDP ของนายอาเบะ และพรรคร่วมรัฐบาล Komeito น่าจะได้รับชัยชนะ และครองเสียงข้างมาก คือ สูงกว่า 233 ที่นั่งในสภาต่อไป อย่างไรก็ดี เราคาดว่าคะแนนของนายอาเบะจะไม่ได้ทิ้งห่างเท่าเมื่อก่อน โดยมีอุปสรรคจากนางยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าการกรุงโตเกียวที่จัดตั้งพรรคใหม่ในชื่อ “Kibou no To (Party of Hope)” และได้มีการควบรวมผู้แทนจากพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรค DPJ ไปส่วนหนึ่ง แต่เนื่องด้วยเวลาในการเตรียมตัวในศึกการเลือกตั้งครั้งนี้มีเวลาเพียง 1 เดือน พรรคน้องใหม่อย่างพรรค Party of Hope น่าจะพบกับความยากลำบากในการหาผู้สมัครได้ครบทุกตำแหน่ง นอกจากนี้ นางโคอิเกะเองก็ได้ประกาศว่าต้องการจะดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการกรุงโตเกียวต่อไป และไม่มีเจตนารมณ์ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแต่อย่างใด

ดังนั้นสิ่งที่ต้องจับตาคือ นโยบายการคลังของนายอาเบะภายหลังการเลือกตั้งใหม่ โดยล่าสุดนายอาเบะระบุว่าจะเดินหน้าขึ้นภาษีการขาย (Sales Tax) จาก 8% เป็น 10% ตามกำหนดในเดือนตุลาคม 2562 ซึ่งคาดว่าจะหมายถึงรายได้รัฐฯที่สูงขึ้นราว 5 ล้านล้านเยนต่อปี ก่อนหน้านี้นายอาเบะมีความพยายามในการขึ้นภาษีมาโดยตลอด แต่ก็มีเหตุในเลื่อนออกไปถึง 2 ครั้ง จากเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่ซบเซา คำถามถัดไป คือ หากญี่ปุ่นขึ้นภาษีการขายจริงจะส่งผลให้การบริโภคสะดุดลง และเศรษฐกิจชะลอตัวลงในที่สุดหรือไม่ ทั้งนี้เรามองว่าในระยะสั้นการบริโภคภายในประเทศน่าจะชะงักลงจริง เห็นได้จากการขึ้นภาษีการขาย 2 ครั้งก่อนของญี่ปุ่นในปี 2540 และ 2557 ที่การบริโภคภาคเอกชนกระตุกลงแรง นอกจากนี้ จะกระทบต่อความคึกคักของตลาดบ้านด้วย เพราะภาษีการขายบ้านก็จะเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ดี เราคาดว่าผลกระทบจากการขึ้นภาษีการขายในปี 2562 จะจำกัดกว่าครั้งก่อนๆ เพราะ ภาษีบนอาหารซึ่งมีสัดส่วนเป็น 15% ของการบริโภคในปี 2558 จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง รวมถึงนายอาเบะได้ระบุว่าจะนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีการขายมาพัฒนาด้านการศึกษาและด้านสังคม ซึ่งแตกต่างกับครั้งก่อนๆที่รัฐบาลลดค่าใช้ตจ่ายภาครัฐฯลงภายหลังการเพิ่มภาษีการขาย ดังนั้นในแง่ของการเติบโตทางเศรษฐกิจญี่ปุ่นโดยรวมจะไม่กระทบมากนัก บวกกับสภาวะเศรษฐกิจญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งมากขึ้น