เปิดมูลค่าหุ้นเอคิว ฯ อนาคตไม่ชัดเจน - เสี่ยงสูง

การกลับมาซื้อขายของบริษัท เอคิว เอสเตท จำกัด (มหาชน)หรือ AQ ท่ามกลางการรอคอยของผู้ถือหุ้น หลังจากถูกพักการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 58 เพราะไม่สามารถนำส่งงบการเงินให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้

ล่าสุดบริษัทสามารถกลับมาทำการซื้อขายได้ใหม่อีกครั้ง โดยการกลับมาครั้งนี้เต็มไปด้วยความคาดหวังว่าหุ้นเอคิว ฯ จะเป็นหุ้นที่มีการฟื้นตัวกลับมามีกำไร (Turn Around) ทั้งราคาหุ้นและผลประกอบการ

ราคาหุ้นจากที่ปิดล่าสุด 0.22 บาท (17 พ.ย. 58) เปิดทำการซื้อขายวันแรก (9 ต.ค. 60)ราคาเปิดที่ 0.30 บาท ทำราคาสูงสุดที่ 0.31 บาท และต่ำสุดที่ 0.10 บาท ก่อนจะมาทำราคาปิดที่ 0.11 บาท เท่ากับว่าราคาหุ้นในวันแรก เปลี่ยนแปลง ลดลงถึง 63 %

สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นว่าในอนาคตเอคิวฯ จะสามารถกลับมามีผลการดำเนินงานดีขึ้นได้ในเร็ววัน แม้ว่าบริษัทจะมีการประกาศยกเลิกการเพิ่มทุนเฉพาะเจาะจง 27,360 ล้านหุ้น และเปลี่ยนเป็นการออกใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 4 (AQ-W4) ไม่เกิน 56,337 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมไม่คิดมูลค่าในอัตรา 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วย อายุ 1 ปี ราคาใช้สิทธิ 0.05 บาท กำหนดรับสิทธิ24 ต.ค. ก็ตาม

ก่อนหน้านี้เอคิว ฯเป็นหุ้นที่มีการเพิ่มทุนหุ้นมโหราฬ ถึง 2 แสนล้านหุ้น ในจำนวนนี้ มีการเสนอขายหุ้นเฉพาะเจาะจงให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) 1 แสนล้านหุ้น ทำให้ปัจจุบันบริษัทกลายเป็นหุ้นเบี้ยหัวแตก เพราะมีจำนวนหุ้นที่จดทะเบียน 85,314 ล้านหุ้น มีผู้ถือหุ้นรายย่อยถึง 14,680 ราย

อดีตที่ผ่านมา เอคิว ฯ ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จากเดิมคือ ชื่อ บริษัท กฤษดา มหานคร มีโครงการและที่ดินรอพัฒนาจำนวนมาก มีพื้นที่ในจังหวัดท่องเที่ยวทางทะเลทั้งภูเก็ต ชะอำ เพชรบุรี เป็นต้น

บริษัทพยายามเพิ่มทุนเพื่อนำเงินมาดำเนินธุรกิจและยังไกล่เกลี่ยหนี้กับทางธนาคารกรุงไทย เกิดจากบริษัท ทำสัญญาบริหารจัดการขายที่ดินกับ บริษัท โกลเด้น อินดัสเตรียล พาร์ค จำกัด และบริษัท โปรเกรส พร๊อพเพอร์ตี้ แมเนจเมนท์ จำกัด มีที่ดิน 4,300 ไร่ จังหวัดสมุทรปราการ มีการซื้อที่ดินเป็นการขอสินเชื่อจากธนาคารกรุงไทย 9,900 ล้านบาท จากนั้นให้เอคิวฯ เข้ามาถือหุ้นใน โกลเด้น 68 %

หลังจากโกลเด้นผิดนัดชำระหนี้กับทางธนาคารกรุงไทย ตามศาล ฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ทำให้บริษัทต้องชำระค่าเสียหาย ตามมูลค่าดังกล่าว บวกกับบริษัทประสบปัญหาสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจไปพร้อมๆกัน ทำให้มีผลขาดทุนติดต่อกันตั้งแต่ปี 57

ผลประกอบการครึ่งปีแรก ปี 60 ที่แจ้งล่าสุด ขาดทุน 116.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5 % จากยอดขายอสังหาฯ ลดลง ท่ามกลางเงินลงทุนที่มีจำกัดต้องชะลอการก่อสร้างโครงการ ขณะเดียวกัน มีผลขาดทุนสะสม 6,367 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น เพียง 75.41 ล้านบาท

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงเนิน นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก ได้ประเมินมูลค่าหุ้นเอคิว ฯ หลังกลับมาทำการซื้อขายอีกครั้งมีความเสี่ยงสูงท่ามกลางข้อมูลผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกปี 60 ที่แจ้งมา ซึ่งหลังจากประเมิน ผลการดำเนินงานเปรียบเทียบกับจำนวนหุ้นที่มีอยู่ มูลค่าหุ้นอยู่ที่ 0.001 บาท แนะไม่ลงทุนในหุ้นดังกล่าว

รวมทั้งการที่ผู้สอบบัญชีแสดงความเห็นแบบมีเงื่อนไขและมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทขึ้นอยู่กับความสามารถในการชำระหนี้สินตามคำพิพากษาของศาลฎีกา ความสามารถในการเพิ่มทุนและความสามารถในการขายที่ดินหลักประกันให้ได้ในราคาสุทธิตามที่บริษัทได้ประมาณการไว้ใกล้เคียงกับมูลค่าหนี้ จ่ายให้กับธนาคารกรุงไทย คือ 10,004 ล้านบาท

หากประเมินจากวันนี้ บริษัทมีความเสี่ยงรอบด้านว่าจะสามารถขายที่ดินได้เท่ากับที่ราคาประเมินได้หรือไม่ และการชำระหนี้ให้กับธนาคารกรุงไทยเป็นประเด็นที่ต้องดำเนินตามกฎหมาย และการดำเนินการเพิ่มทุนตลอดเวลา แม้ว่าล่าสุดจะมีการยกเลิกเพิ่มทุนส่วนหนึ่งแล้วเปลี่ยนไปเป็นให้ AQ-W4 ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมก็ตามก็ไม่อาจลดความเสียหายกับผู้ถือหุ้นที่ได้รับได้

เมื่อดูจากราคาที่กลับมาซื้อขายวันแรก ไม่ได้มองว่าเป็นหุ้นที่ฟื้นตัวกลับมามีกำไร เพราะยังไม่เห็นแนวโน้มอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งราคาหุ้นเห็นได้ว่าผู้ถือหุ้นได้ไล่ขายเกือบทุกราคา เพื่อลดขาดทุนในหุ้นตัวนี้ ที่ทำให้ผู้ถือหุ้นเสียหายอย่างหนัก