มองต่างมุม : ส่งออกดี แต่ SMEs ไม่ได้ประโยชน์ จริงหรือ? (1)
ในปี 2560 ภาคการส่งออกของไทยกลับมาขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่งและทำหน้าที่เป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อีกครั้ง
หลังจากอยู่ในภาวะส่งไม่ออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา
แต่ดูเหมือนว่าการส่งออกที่ดีขึ้นในระลอกนี้กลับไม่ได้ทำให้ประชาชน “รู้สึก” ว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นอย่างที่แล้วมา ทั้งยังมีการแสดงความเห็นกัน ในวงกว้างว่า “การส่งออกที่ดีกระจุกตัวอยู่ในผู้ประกอบการขนาดใหญ่ไม่กี่ราย” ขณะที่ SMEs ไม่ค่อยได้ประโยชน์ โดยหลักฐานหนึ่งที่ถูกยกมาอ้างอิงถึงคือข้อมูลมูลค่าการส่งออกของผู้ผลิตที่ถูกให้คำนิยามว่าเป็น SMEs โดยจัดกลุ่มตามสินทรัพย์ถาวร และจำนวนการจ้างงาน (ตามกฎกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2545) ที่ยังคงหดตัวสวนทางกับภาพการส่งออกโดยรวมที่ขยายตัวดี (รูปที่ 1)
อย่างไรก็ตาม ด้วยบริบทและโครงสร้างเศรษฐกิจโลกและไทยที่เปลี่ยนแปลงไปมากในปัจจุบัน ทั้งกระแส Automation และปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ทำให้ภาคการผลิตไม่จำเป็นต้องพึ่งการจ้างงานจำนวนมากเช่นในอดีต รวมทั้งธุรกิจบริการที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยการลงทุนในเครื่องจักรขนาดใหญ่ อาทิ ผู้ส่งออกและนำเข้าทองคำ หรือผู้ประกอบการ e-Commerce ที่มีลักษณะธุรกิจแบบซื้อมาขายไป ธุรกิจเหล่านี้ถูกนิยามว่าเป็น SMEs ทั้งที่จริง ๆ แล้วมีมูลค่าธุรกรรมจำนวนมหาศาล ซึ่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2560 ภาพรวมการส่งออกของกลุ่ม SMEs ที่ยังหดตัวส่วนใหญ่ก็มาจากการส่งออกทองคำที่มีผลของฐานสูง ในช่วงระยะเดียวกันของปีก่อนนี่เอง การมองภาพการส่งออกของ SMEs ผ่านมุมมองของเกณฑ์ดังกล่าวจึงอาจมีข้อจำกัดในการสะท้อนภาพความเป็นจริงของ SMEs ส่วนใหญ่ที่มักมีมูลค่าการส่งออกน้อย
ผู้เขียนจึงขอนำเสนอแนวทางการวิเคราะห์ภาวะการส่งออกของ SMEs ในอีกมุมมองหนึ่งที่ ต่างไปจากเดิม โดยปรับวิธีการแบ่ง SMEs ตามสัดส่วนมูลค่าการส่งออกของบริษัทต่อมูลค่าการส่งออกรวมของไทยในแต่ละปี (Market Share) โดยให้นิยามตามตารางที่ 1
เพื่อใช้มูลค่าของธุรกรรมสะท้อนขนาดของบริษัท อย่างไรก็ตาม การแบ่งผู้ประกอบการด้วยเกณฑ์ Market Share ก็มีข้อจำกัดเช่นกัน กล่าวคือ ในกรณีที่บริษัทขนาดใหญ่เน้นจำหน่ายสินค้าในประเทศและมีสัดส่วนการส่งออกน้อย จะทำให้บริษัทขนาดใหญ่ประเภทนี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทขนาดเล็ก และเกณฑ์ดังกล่าวอาจไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับ SMEs ของต่างประเทศได้ เนื่องจาก Market Share ในที่นี้เป็นการเปรียบเทียบกับมูลค่าการส่งออกของไทยเท่านั้น ฐานการเปรียบเทียบจึงมีความแตกต่างกัน
การวิเคราะห์สุขภาพ SMEs ตามมุมมองใหม่นี้ให้ภาพที่แตกต่างจากเกณฑ์เดิมเป็นอย่างมาก กล่าวคือ มูลค่าการส่งออกของกลุ่มบริษัทที่มี Market Share น้อยถึงปานกลาง (ในที่นี้ขอเรียกว่า Small และ Medium Exporter) ขยายตัวดีเมื่อเปรียบเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งยังขยายตัวมากกว่ากลุ่ม Large Exporter อีกด้วย (รูปที่ 2)
สะท้อนว่าแท้จริงแล้วการฟื้นตัวของ ภาคการส่งออกในระลอกนี้ นอกจากขยายตัวในเกือบทุกสินค้าและตลาดแล้ว ยังขยายตัวดีในทุกขนาดบริษัททั้งใหญ่ กลาง และเล็ก
เมื่อวิเคราะห์ลงไปในเชิงลึกพบว่าการส่งออกของทั้ง Small และ Medium Exporter ที่ขยายตัวดีกว่าภาพรวมส่วนหนึ่งมาจากการที่ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้มีตลาดหลักอยู่ใน CLMV ที่ภาวะเศรษฐกิจกำลังขยายตัวดีต่อเนื่อง และมีสินค้าออกส่วนใหญ่ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ชิ้นส่วนเครื่องจักรและอุปกรณ์ และสินค้าเกษตร ขณะที่ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ซึ่งส่วนใหญ่ขยายตัวน้อยกว่า และหากมองย้อนไปในอดีตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่ม Large Exporter นี้กลับเป็นตัวฉุดสำคัญที่ทำให้ภาพรวมการส่งออกของไทยหดตัว อีกด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้าง อาทิ การส่งออก Hard Disk Drive ที่อุปสงค์ของโลก ลดน้อยลงจากความนิยมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปนิยม Solid State Drive มากขึ้น การส่งออกรถยนต์ที่อุปสงค์จากประเทศตะวันออกกลางชะลอลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก รวมถึงการที่ MNCs มีการขยายฐานการผลิตรถยนต์ในประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น นอกจากนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ภาพรวมการส่งออกของกลุ่ม Large Exporter ยังถูกฉุดด้วยมูลค่าการส่งออกทองคำที่มีผลของฐานสูงในปีก่อน (การจัดนิยามตามเกณฑ์ใหม่นี้ทำให้บริษัทส่งออกทองคำรายใหญ่เปลี่ยนจากผู้ประกอบการ SMEs มาอยู่ในกลุ่ม Large)
อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่แหล่งที่มาของการเติบโตของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยแล้วคงต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่มาจากกลุ่มผู้ประกอบการขนาดใหญ่ (รูปที่ 3)
เพราะแม้กลุ่ม Small และ Medium Exporter จะมีอัตราการขยายตัวที่สูงกว่า Large Exporter แต่ยังคงมี Market Share ที่น้อยกว่า ซึ่งการส่งออกของกลุ่ม Large Exporter ส่วนใหญ่เป็นของบริษัทข้ามชาติ (Multi National Corporation: MNCs ) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนของไทยในอดีตที่ต้องการดึงดูดเม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติเข้ามาในประเทศเพื่อสร้างการจ้างงานและรายได้ผ่าน การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ
ดังนั้น หากพลิกมุมมองการวิเคราะห์ SMEs ตามสัดส่วนมูลค่าการส่งออกนี้ คำกล่าวที่ว่า SMEs ไม่ได้ประโยชน์จากการส่งออกที่ขยายตัวดีจึงไม่น่าจะเป็นจริง รวมทั้ง SMEs ของไทยยังมีความเข้มแข็งมากกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ กล่าวคือ ในช่วงที่การส่งอออกของไทยหดตัวต่อเนื่อง กลุ่ม SMEs มีการส่งออกที่หดตัวน้อยกว่าภาพรวมมาก ทำให้ Market Share ของ SMEs ต่อมูลค่าการส่งออกรวมของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
คำถามสำคัญที่ตามมาคือ หากแท้จริงแล้ว SMEs ส่งออกได้ดี ทำไม “ความรู้สึก” โดยรวมของ SMEs ไทยยังไม่ดีขึ้น โปรดติดตามได้ในฉบับถัดไป
////
โดย... พรหมวรัท ประดิษฐ