พนักงานที่ใครๆก็ต้องการ

พนักงานที่ใครๆก็ต้องการ

ฝีมืออาจเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ใครสักคนหนึ่งเป็นพนักงานที่ใคร ๆก็ต้องการได้ตัวไปร่วมงาน แต่วันนี้การเติมเต็มฝีมือไม่ได้ยากเย็นเหมือนแต่ก่อน

จะหาความรู้จากมหาวิทยาลัย ก็มีให้เลือกมากมายทั้งจบง่าย จบยาก ในอินเทอร์เน็ตก็มีหลักสูตรให้เล่าเรียนเยอะแย่ไปหมด ฟรีบ้างจ่ายเงินบ้าง การที่จะทำให้ตนเองเก่งขึ้นไม่ยากแล้วในวันนี้ ขอเพียงแค่มีความตั้งใจจริง มุมานะพยายามอย่างจริงจัง ใคร ๆก็เก่งได้ 

แต่ก่อนเราเชื่อกันว่ามีแค่บางคนเท่านั้นที่เก่งขึ้นได้ แต่วันนี้ทุกคนเก่งขึ้นได้หมด ความเก่งจึงเสาะหาได้แล้วในวันนี้ เก่งอย่างเดียวจึงไม่พอ งานวิจัยเมื่อยี่สิบกว่าปีมาแล้ว บอกไว้ว่าพนักงานที่ทำเสมือนเป็นพลเมืองขององค์กร ไม่ใช่คิดว่าตนเองเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น จะสร้างความสำเร็จให้องค์กรได้ดีกว่าพนักงานที่คิดแค่เป็นลูกจ้างมากมายหลายเท่า และพนักงานที่ทำตนเป็นพลเมืองขององค์กรนี่แหละที่ใคร ๆก็อยากได้ไปร่วมการงาน

พฤติกรรมการเป็นพลเมืองขององค์กรเป็นอย่างไร เรื่องแรกคือช่วยเพื่อนร่วมงาน ในทุกครั้งที่มีโอกาส ช่วยทำอะไรได้ก็ช่วย โดยช่วยเสมือนหนึ่งเป็นพี่เป็นน้อง ช่วยจากใจ ไม่ใช่ช่วยเอาหน้าหาเสียงกับพรรคพวก การช่วยเพื่อนร่วมงานยิ่งทำให้คนนั้นรอบรู้การงานมากขึ้น และสามารถทำงานใหญ่ได้ เพราะออกปากหาคนร่วมมือได้ไม่ยาก แต่พฤติกรรมเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นได้ในทุกที่ เกิดได้เฉพาะในที่ที่การเล่นพรรคเล่นพวกไม่รุนแรงมากนัก ถ้าที่ไหนพวกฉันมาก่อน ที่นั่นมักไม่พบเห็นการช่วยเหลือกันในหมู่เพื่อร่วมงานแบบจริงใจ มีให้เห็นบ้างก็แค่ช่วยเพื่อให้เป็นพรรคพวก ใครอยากเป็นพนักงานที่เป็นที่สนใจที่ใคร ๆก็อยากได้ไปร่วมงาน ให้เริ่มฝึกตนเองให้รู้จักเสนอความช่วยเหลือให้เพื่อนร่วมงาน โดยฝึกใจให้ช่วยเพราะใจอยากช่วย ไม่ใช่ช่วยแบบหว่านพืช หวังผล ที่ช่วยใครแล้วก็นึกหวังว่าวันหน้าจะได้อะไรคืนมาบ้าง

พลเมืององค์กรไม่อยู่เฉย เมื่อพบการเปลี่ยนแปลงใดๆที่อาจมีผลต่อความยั่งยืนขององค์กร พบเห็นอะไรที่เป็นโอกาส หรือเป็นการคุกคามก็บอกกล่าวให้เพื่อนร่วมงาน ตลอดไปจนกระทั่งผู้บริหารได้ทราบ ได้ตระหนักไว้ก่อน ซึ่งจะทำให้องค์กรรับสถานการณ์ต่างๆได้ดีขึ้น เหมือนมีคนคอยดูทางลมทางคลื่น ให้กับกัปตันเรือ ซึ่งพฤติกรรมนี้เกิดได้ในองค์กรที่ผู้บริหารใจกว้างพอที่จะรับรู้รับทราบจากพนักงานได้ ไม่เกิดขึ้นในองค์กรที่ผู้บริหารรู้ดีไปทุกอย่างในจักรวาลนี้ โดยเสียงพนักงานเป็นแค่เสียงแมลงหวี่ ให้รำคาญหูเท่านั้น

พลเมืององค์กร ทำงานให้สำเร็จ ไม่ใช่แค่ทำงานให้เสร็จ สำเร็จหมายถึงทำให้ดีที่สุดเท่าที่โอกาสจะอำนวย ทำงานอย่างทุ่มเทให้บรรลุความสำเร็จ เพราะใจอยากทำ ไม่ใช่ทุ่มเทเพื่อเอาหน้า บอกว่าดีได้เพราะฉันอยู่ ฉันไม่อยู่ทุกอย่างจะแย่ เวลางานไม่ใช่แค่แปดโมงห้าโมง เวลางานคงอยู่ตราบเท่าที่งานยังไม่สำเร็จ ซึ่งพฤติกรรมนี้มักเกิดขึ้้นหลังจากพนักงานมีศรัทธาในตัวตนของผู้บริหาร ศรัทธาจากการได้พบเห็นผู้บริหาร ทำงานอย่างทุ่มเทให้บรรลุความสำเร็จ และให้การช่วยเหลือพนักงานทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้ามีผู้นำคอยชี้นิ้วให้คนนั้นทำนั่นทำนี่ ชี้เสร็จก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นตัวอย่างให้เห็น มีแค่ปากกล้าด่าไม่เลือก ก็ไม่ต้องคิดเรื่องทุ่มเทให้งานสำเร็จ คิดแค่งานเสร็จได้ก็พอแล้ว

พลเมืององค์กรมีนำ้ใจแบบนักกีฬา คือรู้แพ้รู้ชนะ เรื่องไหนไม่ได้ดั่งใจ ก็รู้จักหยุด ไม่โวยวายอะไรให้วุ่นวาย ไม่ทำให้เรื่องเล็ก ๆที่ไม่ได้ดั่งใจ กลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับทุกคน ข้องใจเรื่องไหน ก็ว่ากันเฉพาะในเรื่องนั้น ไม่ขยายวงไปเรื่องอื่น จนวันหน้าจำไม่ได้ว่าต้นเหตุคืออะไรกันแน่ ทำงานร่วมกันด้วยใจแบบนักกีฬาทำให้ความเห็นที่ไม่ตรงกันกลายเป็นเรื่องเล็ก เพราะรู้ว่าเรื่องนี้ฉันชนะได้ ไม่ได้หมายความว่าทุกเรื่องฉันต้องชนะ ชนะได้ก็แพ้ได้เหมือนการแข่งกีฬา ถ้าคิดว่าเป็นแค่รับจ้างองค์กร แพ้ไม่ได้ดั่งใจวันไหน วันนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาด่าองค์กรตั้งแต่เรื่องเล็กยันเรื่องใหญ่ ทุกอย่างในองค์กรไร้ความดี มีแต่เลวไปหมด ถ้าฉันไม่ได้ดั่งใจ ซึ่งการทำงานด้วยใจนักกีฬาเกิดขึ้นได้เฉพาะในองค์กรที่ผู้บริหารก็ใจนักกีฬาเช่นเดียวกันเท่านั้น

ถ้ามีโอกาส ควรลองปรับพฤติกรรมการทำงานให้เป็นไปตามนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่กลายเป็นพนักงานที่ใครๆ ก็อยากร่วมงาน แต่อย่างน้อยก็จะมีเพื่อนมากขึ้นแน่ ๆ