ใครๆก็อยากขับรถที่มีคันเดียวในโลกกันทั้งนั้น

ใครๆก็อยากขับรถที่มีคันเดียวในโลกกันทั้งนั้น

ใครมีเงินก็ซื้อของที่ตัวเองต้องการได้ทั้งนั้น บรรดาเศรษฐีหน้าใหม่(New Money)เกิดขึ้นทุกวัน พอซื้อข้าวของเหมือนๆกัน

จากของพิเศษก็กลายเป็นของธรรมดาจนได้

ข้อมูลของ เจเอทีโอ ไดนามิกส์(JATO Dynamics)บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านยานยนต์ พบว่ายอดขายรถหรูทั่วโลกในปี2016 มีเกือบ3หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 16เปอร์เซ็นต์จากปี2015  รถหรูอย่างเบนท์ลีย์(Bentley)ครองสัดส่วนยอดขายได้มากที่สุดถึง37เปอร์เซ็นต์ รองลงมาคือ เฟอร์รารี่(Ferrari) คิดเป็น 24 เปอร์เซ็นต์ ถัดมาคือ ลัมโบร์กินี(Lamborghini) คิดเป็น 11เปอร์เซ็นต์ ขณะที่โรลส์-รอยซ์(Rolls-Royce)และแอสตัน มาร์ติน(Aston Martin)ครองส่วนแบ่งแบรนด์ละ10เปอร์เซ็นต์

เมื่อพิจารณาเป็นรายประเทศ ไม่เหนือความคาดหมายที่ประเทศจีนจะมีการขยายตัวของตลาดรถหรูมากที่สุด ถึง 54เปอร์เซ็นต์สอดคล้องกับบรรดาคนรุ่นใหม่กระเป๋าหนักที่เพิ่มมากขึ้นตามเศรษฐกิจขนาดมหึมาของดินแดนพญามังกร เฉพาะจีนประเทศเดียวรถซูเปอร์คาร์ขายได้ได้มากกว่า4,400คัน เมื่อเทียบอัตราการเปลี่ยนแปลวของยอดขาย ประเทศที่ใช้จ่ายมือเติบกับสินค้าประเภทนี้รองลงมาคือรัสเซีย ยุโรป ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ขณะที่ยอดขายในสหรัฐอเมริกาแทบไม่เปลี่ยนแปลง และตลาดเกาหลีใต้กลับหดตัวอย่างน่าตกใจ

มองต่างประเทศก็ต้องย้อนมามองเมืองไทยของเราบ้าง รายการBusiness101เพิ่งไปร่วมงานเปิดตัวรถเฟอร์รารี่รุ่นใหม่’เฟอร์รารี่ 812 ซูเปอร์ฟาสต์’ ซึ่งจุดขายคือความแรงที่เร็วเหลือหลาย เครื่องยนต์12สูบ ขุมพลัง800แรงม้า ราคาขายเริ่มต้น31.5ล้านบาท หากแต่เมื่อสอบถามผู้บริหารของตัวแทนจำหน่ายในไทยแล้ว โดยปกติลูกค้าจะยอมควักเงินจ่ายเพิ่มเติมให้กับการปรับแต่ง(Personalize Service)ให้เข้ากับความชอบของตน เพื่อสร้างความแตกต่างและโดดเด่นอย่างที่สุด

ไม่ใช่แค่เฟอร์รารี่ สำหรับบริษัทผู้ผลิตยานยนต์ของผู้มีอันจะกินทุกจุดของรถสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ บางกรณีที่ลูกค้าต้องการสีรถที่พิเศษเฉพาะตัว ชนิดที่ว่าขับบนท้องถนนต้องไม่ซ้ำกับใครบนโลกนี้แน่นอน บริษัทจัดจำหน่ายก็จะประสานงานไปที่ศูนย์บริการในต่างเช่น อิตาลีสำหรับลูกค้ายุโรป หรือ จีนสำหรับลูกค้าเอเชีย เป็นต้น เพื่อขอให้ทำสีที่ลูกค้าต้องการออกมาให้ได้และพาไปดูให้เห็นกับตา มีเอกสารรับรองยืนยันชัดเจน ก่อนที่เริ่มผลิตจริง บรรดาลูกค้ารถหรูก็ยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายล้านบาทเพื่อให้ได้รถในฝันแบบที่ไม่เหมือนใคร ค่าเดินทางไปดูของในต่างประเทศจึงไม่ใช่ภาระที่หนักหนาอะไรเลย

นอกจากนี้ รายละเอียดทั้งสีของเบาะ สีของด้ายที่ใช้ วัสดุหุ้มเบาะที่จะวิจิตรพิสดารแค่ไหนก็ได้ หรือกระทั่งหน้าตาของเข็มขัดนิรภัยก็สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ สมกับค่าความหรูหรา(Ultra Luxe)ที่เศรษฐีทั้งหลายยอมจ่ายเงินหลายสิบล้านบาท เพราะรถหรูนั้นเป็นการแสดงสถานะทางสังคม(Social Status)ที่เสียงดังที่สุดอย่างหนึ่ง การโดยสารหรือขับขี่บนท้อถนนด้วยซูเปอร์คาร์นั้น ไม่ใช่แค่การเดินทางแต่เป็นการดื่มด่ำกับประสบการณ์แหนือระดับ

นี่เป็นสิ่งที่มนุษย์ก้าวข้ามได้ยาก เพราะบรรดาสินค้าหรูหรารู้วิธีในการนำเสนอจุดขายทางอารมณ์(Emotional Selling Point-ESP)กับกลุ่มเป้าหมาย เรื่องรถไม่ใช่แค่ขายรถอีกต่อไป หากแต่เป็นการขายรางวัล(Reward)ให้กับชีวิต ยิ่งรางวัลของเราทำให้ชาวบ้านขาวช่องตื่นตะลึงได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกพึงใจเท่านั้น ต่อให้คนราคาสักร้อยล้านบาท ถ้ามีวิธีการเล่าเรื่อง(Story Telling)ที่โดนใจ ยังไงก็ต้องมีคนซื้ออยู่วันยังค่ำ