กังขา “พาปูหนี”

กังขา “พาปูหนี”

“มีข้อกังขามากๆ” เป็นเสียงจากอดีตนายทหารใหญ่ หลังได้ติดตามเรื่องราว “ทีมพายิ่งลักษณ์หนี” ซึ่งกำลังพัวพันไปถึงตำรวจหลายๆ นาย

ทั้งในและนอกราชการ โดยวิธีการพาหนี ก็คือขับรถยนต์ไปส่งแถวชายแดน

อดีตนายทหารคนนี้ไม่ใช่แค่มียศพลเอก เคยแต่งเครื่องแบบสีเขียวเท่านั้น แต่ยังเป็นอดีตนายทหารที่ใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจสูงสุดในทำเนียบรัฐบาลด้วย

คนระดับนี้ยังสงสัย จึงมิพักต้องพูดถึงชาวบ้านร้านตลาด อาจารย์มหาวิทยาลัย ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ที่เคยทำงานข่าวลับ ข่าวความมั่นคง

พูดแบบไว้หน้าก็คือ ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่แหม...พิรุธมันเยอะเหลือเกิน

ใช้รถหนีไฟแนนซ์ สวมทะเบียน พาอดีตนายกฯหญิงนามสกุล “ชินวัตร” หลบหนีเนี่ยนะ

ขณะหลบหนี คนพาหนีไม่มีความผิด คนที่นั่งในรถก็ไม่ผิด ทำไมต้องใช้รถสวมทะเบียน ไม่กลัวโดนด่านเจ้าหน้าที่เรียกตรวจหรือ เพราะมีทั้งด่านทหาร ด่านตำรวจตลอดเส้นทาง

ใช้รถที่มีอายุเกิน 10 ปีขับทางไกล จากคำให้การไม่ชัดว่ารองผู้การที่อ้างว่าลดตัวมาทำหน้าที่ “พลขับ” นั้น เคยขับรถคันนี้หรือไม่ คิดง่ายๆ ขับรถไม่ชินมือ เดินทางไกลหลายร้อยกิโลเมตร ใช้รถที่เสี่ยงถูกตรวจเพราะเป็นรถผิดกฎหมาย แต่ทั้งหมดนี้ถูกใช้ในภารกิจที่ผิดพลาดไม่ได้เลย...อย่างนั้นหรือ?

นั่งรถไปหลายชั่วโมง ไม่จอดแวะเลยหรือ ไม่หิว ไม่ปวดท้อง ไม่เข้าห้องน้ำ ฯลฯ

ถ้าสังเกตจากคำพูดของคุณยิ่งลักษณ์ ตั้งแต่เดินสายทำบุญวันเกิดที่หลุดปากทำนองว่าจะไม่ได้อยู่ทำบุญที่เมืองไทยอีกแล้ว แสดงว่าแผนการหลบหนีเตรียมมานาน ถ้าทำได้แค่นี้ ต้องหนีอย่างค่อนข้างลำบากแบบนี้ ต้องสวมหมวกแก๊ป ใส่หน้ากากอนามัย (สีดำด้วยนะ) มันใช่หรือ?

มีวิธีอื่นที่ดีกว่านั่งรถไกลๆ อายุรถเกิน 10 ปี เสี่ยงเจอด่านตรวจ เสี่ยงอุบัติเหตุพลิกคว่ำเฉี่ยวชนหรือไม่?

ย้อนกลับไปตอนคุณทักษิณ พี่ชายคุณยิ่งลักษณ์ หนีออกนอกประเทศ มีการชงเรื่องขออนุญาตศาลเดินทางไปร่วมพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกที่จีน นั่งเครื่องบินออกไปสบายๆ แม้แผนเดิมจะใช้ซ้ำไม่ได้อีกแล้ว แต่เมื่อถึงคิวน้องสาวสุดที่รัก ต้องลำบากยากแค้นถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ข้อมูลทั้งของฝ่ายตำรวจ และคสช. จะว่าไปถูกปล่อยออกมาเป็นระยะอย่างมียุทธศาสตร์ คล้ายเพื่อกำหนดทิศทางข่าวไปในแนวที่ผู้มีอำนาจอยากให้เป็น...นั่นก็คือ คสช.ไม่ได้รู้เห็น แต่เป็นแก๊งตำรวจผู้ใกล้ชิดขั้วอำนาจเก่าต่างหาก

ใครกันที่ได้ประโยชน์จากข่าวแบบนี้?