ฟ้องผู้ว่าฯสตง. เรียกรับ‘สินบน’
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำสั่งไม่รับฟ้อง ในคดีที่ถือว่ามีแง่มุมน่าสนใจอยู่หลายประการ
เป็นคดีที่นายพงศปณต สนิท นักวิชาการตรวจเงินแผ่นดินชำนาญการ สังกัดสำนักตรวจสอบภาค 14 กล่าวหานายพิสิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าฯสตง. มีความผิดต่อหน้าที่ราชการ
คดีนี้ศาลไม่รับฟ้องด้วยเหตุไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลฯ ภาค 8 แต่ก็เชื่อว่าอาจจะมีการฟ้องร้องใหม่ในศาลอื่นต่อไป
คำฟ้องนี้ระบุว่านายพิศิษฐ์ มีการมอบหมายนายประพนธ์ รักษ์เกลี้ยง ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 14 ให้ชี้มูลความผิด นายวิจิตร ศรีสะอ้าน นายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมพวก ทั้งที่ไม่มีอำนาจมอบหมาย
เกี่ยวกับการถมที่ดินพื้นที่ก่อสร้างอาคารศูนย์การแพทย์ และบ้านพักในมหาวิทยาลัย
เป็นเหตุให้ถูกนายวิจิตรกับพวกฟ้องกลับเป็นคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.49/2558 และต่อมาโอนมาที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง คดีหมายเลขดำที่ อท(ผ)44/2559
จากนั้นมีความพยายามเจรจาขอให้นายวิจิตร“ถอนฟ้อง” โดยมีการนัดหมายพูดคุยกัน 3 ครั้ง
ซึ่งนายพงศปณต ชี้ว่ากระบวนการดังกล่าว“เป็นการขอทรัพย์สินซึ่งเป็นสินบนโดยมิชอบ”
รวมทั้งยังอ้างว่าเพื่อไม่ให้เกิดการสอบสวนต่อไป ผู้ว่าฯสตง.ได้มีคำสั่งย้ายตนเองพ้นความรับผิดชอบในเรื่องดังกล่าว
ขณะที่การยุติตรวจสอบ ที่ตรวจพบว่ามีการคำนวณปริมาตรดินไม่ถูกต้อง การถมดินไม่เต็มพื้นที่ ส่อว่าอาจทำให้รัฐเสียหายถึงราว 80 ล้านบาท
เชื่อว่าเรื่องนี้ฝ่ายผู้ฟ้องคดี จะยังเดินหน้าดำเนินการต่อไปในสิ่งที่คิดว่าไม่ถูกต้องและคิดว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม
แต่ขณะเดียวกันที่น่าติดตามและน่าสนใจยิ่งกว่าก็คือการฟ้องร้อง“ผู้บังคับบัญชา”
รวมถึงสิ่งที่อาจเป็นบรรทัดฐานใหม่
ว่าการขอให้ถอนฟ้องที่อาจหมายถึงการแลกเปลี่ยนกับการยุติสอบคดี ถือได้ว่าเป็นการเรียกรับ“สินบน”
ทั้งยังอาจมองไปได้ถึงกระบวนการทำงานของ สตง. ย้อนไปในอดีต
และถือเป็นวิบากกรรมของนายพิศิษฐ์ ที่จะต้องมีภาระสะสางคดีความทั้งที่กำลังจะเกษียณอายุราชการในอีกเพียง 10 กว่าวันข้างหน้า !!!