ที่มาของบทความในสัปดาห์นี้ ได้มาจากข้อมูลการพูดคุยกับ คุณอัญชลี วิสุทธิรัตนคุณ จากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
หรือที่รู้จักกันในนามซีพีเอฟ ซึ่งเป็นบริษัทไทย 1 ใน 17 บริษัทที่ได้รับการรับรองให้เข้าร่วมอยู่ในการคำนวณ ดัชนีความยั่งยืนของ ตลาดหลักทรัพย์ดาวโจนส์ อินดัสตรีส์ เรียกว่า ดัชนี DJSI หรือ Dow Jones Sustainability Index ประจำปี 2017
ประเด็นของการพูดคุย อยู่ในเรื่องเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมของธุรกิจ ที่สอดคล้องกันแนวทางการพัฒนาธุรกิจสู่ความยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องที่เกี่ยวกับการดูแลพนักงานให้มีความพร้อมที่จะเป็นสมาชิกที่มีคุณภาพของสังคม
กิจกรรมด้านการพัฒนาความยั่งยืนของ สายงานธุรกิจสุกร ของ ซีพีเอฟ เน้นไปที่ การสำรวจระดับความสุขของพนักงาน ของกลุ่มพนักงานภายในฟาร์ม ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการดูแลภาระการเงินของตนเองและครอบครัว
จากการสำรวจพบว่า กว่า 75% ของพนักงาน มีภาระหนี้สินทั้งในระบบ และนอกระบบที่ไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้สินเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง และส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ ความเข้าใจในด้านการบริหารจัดการการเงินส่วนตัวและของครอบครัว ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตที่มีแต่ความเครียด ไม่เคยมีความสุขที่แท้จริง และเกิดผลกระทบทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง
ผู้บริหารในสายงานธุรกิจสุกรของ ซีพีเอฟ เห็นว่า ปกติในการทำงานของพนักงาน ลูกจ้างแต่ละคนมักมีความหวังและจดจ่ออยู่กับวันเงินเดือนออก แต่ยังไม่มีบริษัทไหนเลยที่จะสนใจมาติดตามว่า พนักงานของตนมีพฤติกรรมของการใช้เงินอย่างไร ใช้เงินเกินตัวหรือไม่ ติดหนี้นอกระบบหรือไม่
จนกว่าจะมาพบว่า ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงอย่างผิดปกติ
แต่ก็อีกนั่นล่ะ พฤติกรรมส่วนใหญ่ของบริษัทเมื่อพบพนักงานประสิทธิภาพการทำงานลดลง ก็เลือกที่จะลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือน ทำทัณฑ์บน หรือให้ออก ฯลฯ
จะมีสักกี่บริษัทที่ตามไปถึงต้นตอของปัญหาและยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ปรับเปลี่ยนวินัยการเงินของพนักงาน และนำไปสู่ชีวิตที่เป็นสุขจากการปลอดหนี้อีกครั้ง และไม่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคมที่อาจสร้างผลกระทบในวงกว้างได้
ซีพีเอฟ เห็นว่า เมื่อพนักงานไม่มีช่องทางในการปลดหนี้ บริษัทจำเป็นจะต้องเข้ามาทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างพนักงาน และสถาบันการเงินที่อยู่ในระบบ ช่วยขจัดปัญหาทั้งหนี้บัตรเครดิตและหนี้นอกระบบให้กับพนักงาน
จึงเป็นที่มาของโครงการ “ปลดหนี้สร้างสุขและส่งเสริมการออม” เพื่อจัดหาแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำพร้อมให้ความรู้ในการบริหารจัดการด้านการเงิน และการวินัยทางการเงินที่ดี เพื่อสร้างความสุขและความมั่นคงในชีวิตให้กับพนักงานใน 3 ด้าน
ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพใจ และสุขภาพทางการเงิน โดยสิ่งสำคัญที่สุด คือ การให้ความรู้ด้านการเงินที่ถูกต้อง เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยพนักงานปลดหนี้ที่มีอยู่ได้ แต่ยังเป็นการสร้างค่านิยมใหม่ต่อการใช้เงินและการไม่สร้างหนี้เพิ่มขึ้นอีกในอนาคต
โครงการนี้ มีการร่วมมือกับสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารธนชาต และธนาคารไทยพาณิชย์ เข้ามาให้วงเงินกู้ราว 5-8 เท่าของรายได้ของพนักงาน ช่วยลดภาระดอกเบี้ยจากเดิมที่พนักงานต้องเผชิญสูงสุดถึงราว 20% ต่อเดือน ให้เหลือประมาณ 0.59%-1.08% ต่อเดือน พร้อมๆ กับการส่งเสริมการออม และเสริมสร้างการเรียนรู้ด้านการเงินด้วยการทำบัญชีครัวเรือน ที่จะนำไปสู่การสร้างวินัยในการเงินที่ดีให้กับพนักงานในระยะยาว
โดยโครงการนำร่องในสายธุรกิจสุกรมาตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 31 กรกฎาคม 2560) มีจำนวนผู้กู้ (สายธุรกิจสุกร) ที่ได้รับอนุมัติเงินกู้รวม 321 คน จาก 71 ฟาร์ม/โครงการ วงเงินกู้รวม 37 ล้านบาท
ผลของโครงการในช่วงที่ผ่านมา พบว่าพนักงานมีความสุขในการทำงานมากขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน ช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานและครอบครัว และปัจจุบัน ซีพีเอฟ ได้ขยายโครงการไปยังสายธุรกิจอื่นๆ จนครบทุกสายธุรกิจแล้ว
พนักงานถือได้ว่าเป็นสมาชิกพื้นฐานของครอบครัวและสังคม ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และยึดมั่นในแนวทางของการพัฒนาที่ยั่งยืน จะต้องเริ่มต้นจากการสร้างพนักงานของตนเองให้เป็นสมาชิกของสังคมที่มีคุณภาพ
ซึ่งจะส่งผลต่อการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต ขยายตัวต่อไปได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และเป็นตัวอย่างที่ดีของธุรกิจที่แสดงความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง !