Enjoy Yoga: Niche อย่างไรให้โดนใจ Digital Mom

Enjoy Yoga: Niche อย่างไรให้โดนใจ Digital Mom

ตลาดโยคะในประเทศไทยเติบโตขึ้นเฉลี่ย 10% ต่อปี โดยในปีที่ผ่านมา segment ตลาดของคนตั้งครรภ์เริ่มเติบโตขึ้น

จากการที่คุณแม่ยุคดิจิทัลเริ่มหันมาเล่นโยคะมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการที่เห็นดาราหลายท่านออกกำลังระหว่างตั้งครรภ์ด้วยการเล่นโยคะ

ENJOY YOGA เป็นสตูดิโอของคุณธิญาดา คอนเควสท์ หรือครูหนิง ซึ่งเปิดคลาส Prenatal Yoga รวมไปถึง Prenatal Zumba Dance สำหรับคุณแม่ที่รักการเต้น Zumba ด้วย

ครูหนิงเล่าว่า จากความเจ็บปวดของตนเองจึงเป็นจุดเริ่มให้มาฝึกโยคะ และเรียนต่อเนื่องในหลักสูตรครูสอนโยคะ คนทั่วไปมักมองตลาดว่า 

“โยคะผู้หญิงสวย หุ่นดี ตัวอ่อน” ซึ่งเป็นตลาดที่เล็กมาก แต่ครูหนิงกลับมองว่า โยคะไม่ใช่ตลาดของคนหุ่นดีตัวอ่อน แต่เป็นตลาดของทุกคนที่สามารถออกกำลังกายได้ โดยคนทั่วไปมักเป็นกลุ่มคนที่มีน้ำหนักตัวมาก จึงเริ่มสนใจศึกษาเฉพาะทาง แต่กลับภาพว่า โยคะสำหรับคนตั้งครรภ์มีความน่าสนใจทั้งนี้เพราะจากประสบการณ์การเป็นคุณแม่ ทำให้เข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงของการตั้งครรภ์ อาการปวดต่างๆในขณะตั้งครรภ์ การฝึกโยคะระหว่างตั้งครรภ์จะให้ประโยชน์ต่อร่างการและจิตใจของคุณแม่ ช่วยให้ข้อต่อ เอ็น กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่นดี เป็นการเตรียมการคลอด นอกจากนั้นยังช่วยฝึกสมาธิ เกิดความผ่อนคลายจากการมีสติอยู่กับการหายใจและอิริยาบถต่าง ๆ ควบคุมอารมณ์ ที่แปรปรวนจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งสัมพันธภาพที่ดีในครอบครัว

ครูหนิงเริ่มธุรกิจจากการเปิด Private class ที่บ้าน มีการสื่อสารการตลาดผ่าน Website และ Webboard เมื่อมีจำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้น ครูหนิงจึงเช่าพื้นที่เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นพร้อมกับจดทะเบียนบริษัทเพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตของตลาดนี้ ในช่วงแรกครูหนิงเล่าว่า มีความท้าทายในการเข้าถึงตลาดกลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์เนื่องมาจากความเชื่อในสังคมไทยว่า คนตั้งครรภ์จะต้องอยู่เฉยๆ ไม่สามารถทำงานใดๆได้ แค่กินอาหารบำรุงเพียงเท่านั้น ดังนั้นจะต้องสื่อสารให้คุณแม่ยุคใหม่เข้าใจถึงคุณค่าและประโยชน์ในการออกกำลังกายก่อน

ดังนั้นครูหนิงเริ่มจากการทำWebsite ให้เป็น Informative content เพื่อแสดงรายละเอียดเกี่ยวกับโรงเรียน รายชื่อครูผู้สอน ตารางข่าวสาร ตารางคลาสในแต่ละอาทิตย์ และราคาค่าเรียน พร้อมทั้งช่องทางการติดต่อ

สำหรับ Facebook แม้จำทำหน้าที่เป็น Information content เหมือน Website แต่ครูหนิงมองว่ามีส่วนช่วยในการทำการตลาดมากกว่าจึงเน้นการนำเสนอข้อมูลความรู้เกี่ยวกับโยคะและคนตั้งครรภ์ กิจกรรมต่างๆ เรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ โดยจะโพสต์ทุกวันในช่วงเวลาเช้า จากการสังเกตจะพฤติกรรมการรับสื่อของคุณแม่ยุคดิจิตัลว่าเมื่อทุกคนตื่นนอนก็จะหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อเช็คข้อความต่างๆโดยเฉพาะจากใน Facebook เมื่อแชร์ข้อความแล้วก็จะมีการสอบถามข้อมูลมาทั้งทาง Message และ Line ซึ่งเกิดจากคนเกิดความสนใจและจะเกิดการตัดสินใจซื้อสินค้า และจะโพสต์อีกในช่วงค่ำ ประมาณ 21.00 น. เนื้อหาที่แชร์ใน Facebook จะเป็นเนื้อหาที่เข้าใจผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่มคุณแม่ เนื้อหามีหลากหลายประเภททั้งแบบเป็นข้อความ รูปภาพ และวีดีโอที่สอนการเล่นโยคะหรือภาพบรรยากาศภายในClass โยคะ 

เนื้อหามาจาก Insight ของคนตั้งครรภ์ เพื่อให้เกิดความสนใจ ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับความเชื่อของคนตั้งครรภ์ การออกกำลังกายโดยเนื้อหาที่แชร์จะสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนตั้งครรภ์เกิดความเชื่อใหม่ๆและได้รับความรู้เพื่อเกิดความเชื่อใหม่ๆ กล้าที่จะมาออกกำลังกายมากขึ้นโดยครูหนิงจะมีการทำส่วน Q & A ซึ่งพบว่าจะมีการสอบถามเข้ามาเป็นประจำ

นอกจากนั้นครูหนิงยังทำการสื่อสารการตลาดผ่าน Line จะเป็น Line account ปกติ ไม่ใช้ Line@ หรือ Line official ทั้งนี้การทำการตลาดผ่าน Line มีจุดประสงค์เพื่อพูดคุยตอบข้อซักถาม การพูดคุยตอบคำถามใน Line ซึ่งจะสะดวกกว่าในการส่งข้อความและรูปภาพต่างๆ จึงทำให้สามารถปิดการขายได้มากกว่าทาง Facebook นอกจากครูหนิงจะสอนโยคะและให้ความรู้แล้ว ก่อน-หลัง Class โยคะก็จะต้องมีการพูดคุยซักถามสุขภาพและปัญหาต่างๆของคุณแม่ เพื่อและเปลี่ยนประสบการณ์และความรู้ ทำให้มีการสร้าง Line group ของกลุ่มคุณแม่ที่เล่นโยคะด้วยกันก็สำคัญเพื่อเป็นการดูแลลูกค้าให้นึกถึงเราได้เสมอ สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคุณแม่ด้วยกันและครูหนิงช่วยในการสร้าง Community ให้แก่แบรนด์ เสมือนกับเป็น CRM สร้างความสัมพันธ์ ระหว่างบุคคลกับแบรนด์

กรณีศึกษา Enjoy yoga สะท้อนให้เห็นถึงการเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการที่ผู้ประกอบการมีความรู้และความเข้าใจในบริการอย่างแท้จริง การเข้าใจถึงปัญหาของคุณแม่ สามารถนำเสนอบริการที่ช่วยลด Pain และสร้าง Gain ไม่ว่าจะเป็นทั้งด้านร่างกายและจิตใจให้กับคุณแม่ นอกจากนั้นการสื่อสารที่สอดคล้องกับ Life style ยังเป็นเรื่องที่สำคัญ ในการทำตลาดกับกลุ่มเป้าหมายยุค Digital การเข้าใจบทบาทที่เหมาะสมของช่องทางการสื่อสารเป็นเรื่องจำเป็น Website เป็นเพียงการสร้าง Awareness ในขณะที่ Facebook ช่วยสร้าง Awareness และ Interest ส่วนการที่จะทำให้เกิด Desire และ Action นั้น Line จะเป็นตัวตอบโจทย์

-----------

เครดิต: กรณีศึกษาและการสัมภาษณ์คุณธิญาดา คอนเควสท์ โดยคุณสวนนท์ ศุภมานพ นักศึกษาปริญญาโทสาขาการตลาด วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล

ภาควิชาการตลาดจัดการสัมมนาการตลาด เรื่อง Digital mom-keting การตลาดคลิกพิชิตใจคุณแม่ ที่วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) วิภาวดีรังสิต ดินแดง ในวันที่ 7 ก.ย.เวลา 13.00-16.00 ไม่มีค่าใช้จ่าย