การพัฒนา Start Up ของอิสราเอล (ตอนที่ 2)

"ประเทศอิสราเอล" ได้ถูกกล่าวถึงในเรื่องการพัฒนาธุรกิจ Start Up ที่อยู่ในอันดับต้นๆของโลกในเวลานี้ ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นด้วยว่า อิสราเอลพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเหตุอื่นใด นอกจากความต้องการยกระดับประเทศให้พ้นยากความยากลำบากที่มีมายาวนาน .... ในตอนที่แล้วผมได้เล่าให้เห็นภาพของประชากรอิสราเอลในอดีตมีชีวิตค่อนข้างยากลำบาก แต่มีความอดทนและการเรียนรู้เป็นเหมือนหอก ดาบ ที่ฝ่าฝันให้ก้าวพ้นมา และผลลัพธ์ก็คือ "เทคโนโลยีและนวัตกรรม" ที่ผมได้เดินทางไปพบเจอและนำมาเล่าให้ฟังเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประเทศไทยครับ ...

เทคโนโลยีของประเทศอิสราเอลที่ผมได้เห็นและน่าสนใจมาก ผมแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ดังนี้ คือ "ด้านการแพทย์ (Medical Technology)" ซึ่งมีทั้งบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องมือการแพทย์ บริษัทที่ค้นคว้าและพัฒนาเทคโนโลยีเกี่ยวกับการรักษามะเร็ง ไปจนถึงบริษัทเกี่ยวข้องการการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการทำให้ยามีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมได้เห็นบริษัทเหล่านี้คิดค้นและผลิตออกมาด้วยนวัตกรรมที่ใหม่และนำไปใช้งานได้จริง และทุกคนที่ทำงานในด้านนี้เป็นบุคลากรที่มีประสบการณ์ที่เคยทำงานในองค์กรใหญ่ๆมาทั่วโลกเช่น FDA (Food and Drug Administration)หรือเป็นอาจารย์ที่อยู่ในมหาวิทยาลัยใหญ่ๆ ของอิสราเอล เป็นต้น เค้าเหล่านี้จะรู้ขั้นตอนการการทำงานอย่างดีมีความเชี่ยวชาญ ว่าจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นนั้นสามารถขายได้

กลุ่มเทคโนโลยีต่อมาคือในด้านของ "การขนส่ง (Transportation)" หลายคนอาจจะบอกว่ารถลอยฟ้านั้นไม่มีจริง แต่ผมเห็นมากับตาว่ามีจริงๆ !! เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญโดยตรงในด้านนี้ที่เคยผ่านการทำงานในบริษัทขนาดใหญ่ๆมาแล้ว ทั้ง BOEING , LOCKHEET MARTIN , FAA รถลอยฟ้าที่ว่านี้ได้รับการรับรองจากการ FAAแล้วนั่นหมายความว่า สามารถนำมาใช้งานได้จริง มีการคาดกันว่าในระยะเวลา 10 ปีจากนี้เราน่าจะได้เห็นการนำมาใช้จริงๆ

เทคโนโลยีต่อมาคือเรื่อง "ระบบชลประทาน (Irrigation systems)" เนื่องด้วยประเทศอิสราเอลค่อนข้างจะขาดแคลนเรื่องน้ำ เพราะด้วยภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศที่อยู่ในทะเลทราย ไม่มีฝนตกเลย แต่ผมได้ไปดูบริษัทที่พัฒนาระบบการบริหารจัดการชลประทานที่ใหญ่มากของโลก นำมาซึ่งการทำการในประเทศเกษตรด้วยเทคโนโลยีใหม่สมัยใหม่ที่ใช้น้ำแล้วไม่เจิ่งนองหรือเอ่อล้น แตกต่างจากการทำเกษตรของประเทศอื่นๆ ที่ใช้น้ำมากจนเกิดการเจิ่งนอง

ผมยังได้เดินทางไปดู คือ "กลุ่มธุรกิจที่พัฒนาด้านพลังงานแบตเตอรี (Power and Utility)"บริษัทที่ผมได้ไปดูคือบริษัทที่พัฒนาในด้านเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell) โดยพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงที่ไม่มีความร้อนและสามารถนำมาใช้งานได้อย่างคุ้มค่าด้วยราคาไม่แพง และบริษัทที่พัฒนาเกี่ยวกับแบตเตอรี่โทรศัพท์ ซึ่งกำลังพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่ไม่ใช่ ลิเทียมไอออน และให้พลังงานมากกว่าเดิม

การเดินทางไปเยี่ยมชมธุรกิจต่างๆ ของอิสราเอลทั้งหมดนี้ผมเดินทางไปทั่วประเทศอิสราเอล ซึ่งมีทั้งหมด 24 เขตไฮเทคโซนทั่วทั้งประเทศ ได้เห็นว่าการสร้างนวัตกรรมทั้งหมดนั้น สร้างขึ้นด้วยการริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาทั้งหมด ไม่ใช่การเลียนแบบทำขึ้นแต่อย่างไร ... หลายบริษัทที่ไปมานั้น จะเห็นได้ว่า คนที่ทำงานในบริษัททั้งหลายเหล่านี้ แทบจะไม่เห็นคนที่อายุต่ำว่า 40 ปีทำงานมาทำธุรกิจ Start Up เหล่านี้เลย แทบจะทั้งหมดที่มาทำงานเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนั้นๆโดยตรงเลยมีประสบการณ์และความสามารถมากๆ

"สิ่งที่เป็นหัวใจที่ทำให้ Start Up ของอิสราเอลประสบความสำเร็จนั้นคือ การทำธุรกิจขึ้นมาด้วยผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญโดยตรงจริงๆ ไม่ใช่คนยุคใหม่วัยรุ่นที่ขึ้นมาพัฒนา Star Up ขึ้นมา ขณะเดียวกัน กลุ่มคนเหล่านี้จะรู้วิธีในการขอสิทธิบัตร ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และรู้วิธีการที่จะทำให้ธุรกิจของตนเองได้รับอนุญาตทั้งในอิสราเอลและในต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดสำคัญ อย่าง สหรัฐฯ ยุโรป จีน ไปจนถึงเรื่องสำคัญสุดท้ายคือการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ของตนเอง การมีพันธมิตรที่ร่วมลงทุนที่ชัดเจน ไปจนถึงการขายธุรกิจของตนเอง (Exit Strategy)"

ดังนั้นเมื่อกลับมามองที่ไทยแล้วผมอยากบอกว่า ในบ้านเราจะคนที่จะทำธุรกิจ Start Up นั้น จะต้องมีการ "คิดสิ่งใหม่ๆ ทำในสิ่งใหม่ๆ" ที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน จะต้องเป็นธุรกิจที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากลอกเลียนแบบ ดังเช่นอิสราเอลที่ผมได้ไปเห็นมา ปัจจัยด้านบุคคลเป็นสิ่งสำคัญ คนจะคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ไม่ได้คิดถึงประโยชน์ของตนเองหรือประเทศตนเองเท่านั้น แต่ทำขึ้นมาด้วยโจทย์ที่ว่า "จะสร้างเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์อย่างไรต่อโลกได้บ้าง (Make a better world) ....