Loyalty...หายากเพราะทำยาก

Loyalty...หายากเพราะทำยาก

ทำงานให้เป็นประโยชน์เป็นการแสดงออกถึงคุณสมบัติที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Loyalty

ผมนั่งเขียนเรื่องเล่าครั้งนี้ที่เบอร์ลินเพราะมีธุระที่จะต้องมาจัดการที่นี่ และเนื่องจากผมยึดถือแนวคิดที่ว่า Don't be a tourist. Be an explorer. ทุกครั้งที่เดินทางมาต่างประเทศ ผมจึงเลือกที่จะเดินทางด้วยตนเองเสมอ ซึ่งการเดินทางในเบอร์ลินก็สะดวกเหมือนเมืองที่เจริญแล้วโดยทั่วไป

การเดินทางด้วยตัวเองทำให้ผมได้ไปในสถานที่ๆ ผมอยากไป กินในร้านที่ผมอยากกิน และใช้เวลามากน้อยตามที่ผมต้องการ รวมทั้งได้มีโอกาสสัมผัสกับการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในเมืองที่ผมไปเยือน ไปเดิน ไปกิน และไปเดินทางปะปนกับพวกเขา โดยถ้าเป็นการเดินทางในเมือง ผมก็จะใช้บริการรถประจำทาง รถราง หรือรถไฟฟ้า (ทั้งลอยฟ้าและใต้ดิน) ตามแต่ที่แต่ละเมืองจะมีไว้ให้บริการผู้คนของเขา ส่วนถ้าเป็นการเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง ผมก็จะใช้บริการรถไฟหรือเช่ารถขับเอง ซึ่งผมได้ขับรถท่องเที่ยวในหลายประเทศมาตั้งแต่สมัยเรียนหนังสืออยู่ที่อเมริกามาจนถึงปัจจุบัน

การเดินทางด้วยตนเองสำหรับคนที่พอสื่อสารภาษาอังกฤษได้นั้นไม่ยากเลย เพราะมี Google Maps เป็นผู้นำทางให้ทั้งในการขับรถ การขึ้นรถสาธารณะ หรือแม้แต่การเดินเท้าไปยังสถานที่ต่างๆ ซึ่งแตกต่างเป็นอย่างมากจากการเดินทางด้วยตนเองในอดีต เพราะคนที่จะเดินทางด้วยตนเองได้นั้นจะต้องสามารถอ่านแผนที่ในเมือง แผนที่ทางหลวงระหว่างเมือง ป้ายบอกเส้นทางบนทางด่วน แผนที่เดินรถไฟ รถราง รถไฟฟ้า และรถประจำทางได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าไม่มั่นใจในความสามารถด้านการอ่านแผนที่ของตนเองหรือเพื่อนที่ไปด้วย ก็จะไม่กล้าเดินทางไกลด้วยตนเอง เพราะการหลงทางไม่ใช่เรื่องสนุก ผมโชคดีที่เป็นคนชอบอ่านแผนที่และวาดเส้นทาง จึงถือเป็นข้อได้เปรียบที่จะต้องเดินทางให้คุ้ม แต่ก่อนที่จะเดินทางด้วยตนเองในแต่ละครั้งในสมัยนั้นผมต้องเตรียมแผนที่ให้ครบถ้วน และในระหว่างเดินทางก็จะต้องใช้เวลาในตอนกลางคืนศึกษาและกำหนดเส้นทางสำหรับวันรุ่งขึ้นแล้ววาดออกมาให้ดูง่าย คล้ายๆ กับที่ Google Maps ทำให้ดูในปัจจุบัน

ผมชื่นชอบการเดินทางแบบนักสำรวจและในการทำงานผมก็เป็นนักสำรวจ (หาข้อดี ข้อเสีย ฯลฯ) ซึ่งการเป็นที่ปรึกษากฎหมายทำให้ผมได้มีโอกาสเป็นนักสำรวจเนื้อหาของงาน รวมทั้งวิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีตัดสินใจ ของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับงานในแต่ละเรื่องที่ผมทำ (ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ) อย่างสนุกสนาน และโดยที่ในงานแต่ละเรื่องนั้นคนที่เกี่ยวข้องจะต่างกัน เนื้อหาของงาน รวมทั้งข้อเท็จจริงและสถานการณ์ก็ต่างกัน บทสำรวจของผมจึงต่างกันออกไปได้เสมอไม่น่าเบื่อเลย นอกจากนี้ งานที่ปรึกษากฎหมายแบบที่ผมทำอยู่นี้ยังทำให้ผมได้เดินทางไปเจรจาหรือทำดีลในต่างประเทศด้วยซึ่งก็ตรงกับความชอบของผมอีก

เมื่อผมเรียนจบปริญญาโทที่อเมริกาและเดินทางกลับมาทำงานเป็นทนายความในประเทศไทยนั้น ผมคิดว่าคงอีกนานกว่าจะได้กลับไปอเมริกาอีก แต่ปรากฎว่าทำงานมาเพียงปีเศษผมก็ได้มีโอกาสเดินทางไปกลับกรุงเทพฯ - นิวยอร์คเพื่อทำงานหลายเที่ยว จากการที่ผมได้ทำหน้าที่เป็นทีมงานของสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งในนิวยอร์คต่อสู้คดีให้แก่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ในกระบวนการอนุญาโตตุลาการในนิวยอร์คที่บริษัทขนส่งน้ำมันของโลกรายหนึ่งฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาโดยอ้างว่า ปตท. ผิดสัญญาขนส่งน้ำมัน ซึ่งในขณะที่ทำคดีนี้ผมได้ทำงานร่วมกับนักกฎหมายหนุ่มของ ปตท. ซึ่งน่าจะอายุมากกว่าเล็กน้อย คือ คุณสุพจน์ เหล่าสุอาภา ซึ่งในที่สุด ปตท. เป็นฝ่ายชนะคดี โดยคุณสุพจน์ได้มีบทบาทเกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก

หลังจากเรื่องแรกที่ผมมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับคุณสุพจน์เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ผมก็ได้มีโอกาสทำงานกับคุณสุพจน์ในอีกหลายเรื่องต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคุณสุพจน์ได้ทำงานอยู่ที่ ปตท. มาโดยตลอดด้วยความทุ่มเทจนได้เป็นผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ มีงานในความรับผิดชอบมากมาย และจะเกษียณอายุในปีนี้

ในฐานะนักสำรวจ ผมเชื่อว่าคนที่มีความสามารถมากแบบคุณสุพจน์ต้องเคยได้รับการชักชวนให้ไปทำงานในที่อื่นๆ มาแล้วหลายครั้งหลายหน ซึ่งอาจเป็นงานที่ให้ประโยชน์ส่วนตัวที่ดีกว่าด้วย แต่คุณสุพจน์ก็ได้เลือกที่จะอยู่และทำงานให้เป็นประโยชน์กับ ปตท. เป็นการแสดงออกถึงคุณสมบัติที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Loyalty

ผมใช้คำว่า Loyalty นี้ในความหมายของการที่คนๆ หนึ่งทำการโดยยึดถือเอาประโยชน์ของคนที่ตนเองมี loyalty ให้เป็นที่ตั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมและหาได้ยากในยุคปัจจุบัน และดูเหมือนจะหาได้ยากขึ้นอีกในอนาคตหากผู้คนยังคงมุ่งมองแต่ประโยชน์ตนเป็นสำคัญเช่นที่เป็นอยู่ (Loyalty means I am on your side regardless of whether you are right or wrong; but I will tell you when you are wrong and help you to get it right.)