วิกฤติเกาหลีเหนือ : โอกาสสุดท้ายสำหรับการทูต
ห้ามกะพริบตาครับ
ช่วงนี้เกาะติด “วิกฤติเกาหลีเหนือ” กับผมทาง Facebook Live และ “กาแฟดำ” ใน “กรุงเทพธุรกิจ” อย่างใกล้ชิดนะครับ
เพราะสถานการณ์อ่อนไหวและไม่น่าไว้วางใจจริง ๆ
ตัวละครสำคัญอย่างวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียออกโรงมาอย่างเต็มรูปแบบ และประกาศเตือนโดนัลด์ ทรัมป์อย่างไม่เกรงอกเกรงใจอย่างนี้ทำให้สมการแห่งดุลอำนาจเปลี่ยนไปฉับพลันทันที
ประโยคล่าสุดของปูตินลั่นออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า ด้านหนึ่งเตือนสหรัฐว่า
“เกาหลีเหนือยอมกินหญ้ามากกว่าที่จะยกเลิกอาวุธนิวเคลียร์”
อีกด้านหนึ่งเขาสะกิดคิมจองอึนอย่างแรงว่า
“เกาหลีเหนือควรจะหันไปจดจำเหตุการณ์อิรักไว้ด้วย...”
เป็นการบอกคิมน้อยว่าซัดดัม ฮุนเซนถูกถล่มและสังหารก็เพราะสหรัฐและพวกกล่าวหาว่าเขามีอาวุธทำลายล้างสูง
วันนั้น ซัดดัมไม่มีอาวุธนิวเคลียร์ด้วยซ้ำยังไม่รอด วันนี้คิมน้อยประกาศทดลองนิวเคลียร์โจ่งแจ้งอย่างนี้จะเหลืออะไร?
ปูตินยืนยันว่าการที่สหรัฐพยายามจะหาทางคว่ำบาตรเปียงยางเพิ่มเติมหลังการทดลองนิวเคลียร์ลูกที่หกเมื่อไม่กี่วันก่อนจะไม่เกิดผลอะไร ตรงกันข้ามกลับจะทำให้เกาหลีเหนือฮึดสู้หนักหน่วงขึ้น
ขณะที่ทูตสหรัฐประจำสหประชาชาตินิกกี้ ฮีเลย์อ่านคำแถลงอ้างว่า“เกาหลีเหนือกำลังวอนหาเรื่องจนต้องเกิดสงคราม” (North Korea is begging for war)
และยังกระแทกไปถึงจีนว่าที่ใครเรียกร้องให้ “แช่แข็งทั้งสองฝ่าย” นั้น “เป็นการดูถูกกัน เพราะเราจะอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายหนึ่งหันขีปนาวุธข้ามทวีปมายังเรา”
ยิ่งทรัมป์ประกาศผ่านทวิตเตอร์ว่าจะตัดการติดต่อกับประเทศที่ยังค้าขายกับเกาหลีเหนือเป็นมาตรการใหม่ ก็ยิ่งทำให้จีนขุ่นเคืองหนักขึ้น เพราะหากวอชิงตันทำเช่นนั้นก็ย่อมมีปักกิ่งเป็นเป้าหมายหลัก
หลายฝ่ายมองว่าหากทรัมป์ทำอย่างนั้นจริง สหรัฐเองนั่นแหละจะได้รับความเสียหายมากกว่าชาติอื่นเพราะเท่ากับเป็นการปิดประตูการค้าขายกับหลายประเทศไปโดยปริยาย
ปูตินเตือนว่าหากไม่หาทางแก้วิกฤติครั้งนี้ด้วยการให้ “ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหันมาเจรจากันโดยตรง” ภาวะการเผชิญหน้าจะเสื่อมทรุดหนักขึ้นถึงขั้นที่จะเสี่ยงกับ“ความหายนะระดับโลก” (global catastrophe) กันทีเดียว
สวนทางกับที่รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ จิม แมททิส ที่เพิ่งลั่นวาจาว่าหากเกาหลีเหนือคุกคามสหรัฐด้วยขีปนาวุธพิสัยไกลตามที่ขู่จะเจอกับการตอบสนองที่หนักหน่วงรุนแรงแน่นอน (overwhelming response)
ผมจึงมองว่านี่คือ “โอกาสสุดท้ายของการทูต” สำหรับทุกฝ่าย เพราะหากไม่สามารถใช้การเจรจาต่อรองเพื่อให้คู่กรณีลดราวาศอกเพื่อลดระดับความตึงเครียดแล้วไซร้ โอกาสที่จะเกิดสงครามกำลังเพิ่มความเป็นไปได้สูงขึ้นทุกขณะ
อ่านใจทรัมป์ว่ายากเย็นแล้ว พยายามหาคำตอบว่า “คิมจองอึนต้องการอะไรแน่?” ซับซ้อนกว่าหลายเท่านัก
ล่าสุด เกาหลีเหนือบอกว่าเพิ่งส่ง “กล่องของขวัญ” ไปให้สหรัฐ...และกำลังจะส่งไปอีกในเร็ว ๆ นี้
คิมน้อยเล่นเกมสุ่มเสี่ยงที่ทำให้ผู้คนใจหายใจคว่ำได้ทุกวันจริง ๆ!