ธุรกิจใหญ่ยึด ‘ศก.พอเพียง’ ลงทุนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน

ธุรกิจใหญ่ยึด ‘ศก.พอเพียง’ ลงทุนเพื่อเติบโตอย่างยั่งยืน

เศรษฐกิจพอเพียง ปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทยได้ถูกน้อมนำไปใช้ในทุกระดับ

ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน ภาครัฐ รวมทั้งภาคเอกชน ที่นำแนวทางนี้ไปใช้ในการสร้างองค์กรธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน

สัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้จัดงานประชุมเชิงปฏิบัติการการสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการขับเคลื่อนการประยุกต์ใช้ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคธุรกิจเอกชน เพื่อมอบรางวัลให้กับ 7 องค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ที่นำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้และขยายผลไปสู่ธุรกิจในเครือข่ายได้สำเร็จ

โครงการนี้มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2556 สศช.ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาประเทศตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง (มพพ.) และภาคเอกชนที่ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติและเห็นความสำเร็จของการดำเนินธุรกิจสู่ความยั่งยืน 

7 องค์กรธุรกิจประกอบไปด้วย กลุ่มบริษัท เอสซีจี บริษัท โตชิบา ประเทศไทย จำกัด กลุ่มบริษัท ปตท. บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เครือเบทาโกร และกลุ่มมิตรผล ปัจจุบันมีเครือข่ายขององค์กรภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องในซัพพลายเชน 37 แห่งที่นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจอย่างเห็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม

จะเห็นได้ว่าองค์กรที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ของประเทศ ซึ่งมีเงินลงทุนแต่ละปีจำนวนมาก สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  ได้ใช้โอกาสนี้อธิบายกับภาคเอกชนที่มาร่วมงานเป็นจำนวนมากว่าการดำเนินธุรกิจตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ไม่ใช่การเก็บเงินสดไว้เฉยๆ โดยไม่ลงทุน แต่คือการลงทุนเพิ่มเติมโดยคำนึงถึงความมีเหตุผล ความพอประมาณ ความรอบครอบและความระมัดระวัง 

รองนายกรัฐมนตรีชี้ให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมาการลงทุนของภาคเอกชนไทยลดลงอย่างมากจากเดิมที่อยู่ในระดับสูงกว่า 40% ลดลงมาเหลือไม่ถึงครึ่งเมื่อเทียบกับในอดีต ขณะที่การลงทุนในทุกวันนี้ไม่ได้มีความจำเป็นในแง่ของเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น แต่ก็มีความจำเป็นในแง่ของการปรับตัวของภาคธุรกิจเองด้วยเพราะโลกในปัจจุบันและอนาคตมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมาก 

หากไม่มีการลงทุนเพิ่มในที่สุดศักยภาพขององค์กรก็จะลดลง และความสามารถในการแข่งขันจะสูญเสียไป สุดท้ายแลัวก็ไม่สามารถพัฒนาไปสู่องค์กรที่มีความยั่งยืนได้ เพราะขณะที่เราหยุดการลงทุนประเทศต่างๆในอาเซียนเติบโตอย่างรวดเร็ว

การลงทุนของภาคเอกชนของไทยหากยึดมั่นอยู่ในหลักการของเศรษฐกิจพอเพียงคือเป็นการลงทุนที่มีคุณภาพ มีการประเมินความเสี่ยง ไม่โลภ รอบคอบและไม่ประมาท และลงทุนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงก็จะมีโอกาสที่จะเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน