ตลาดหุ้นไทย: ปืนลั่น หรือ ดีมานด์จริง

ตลาดหุ้นไทย: ปืนลั่น หรือ ดีมานด์จริง

ตลาดหุ้นไทย: ปืนลั่น หรือ ดีมานด์จริง โดย ชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยกา ฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)

ตลาดหุ้นไทยทะยานเกือบ 40 จุด หรือ ราว 3% ช่วงเวลา 3 วันทำการ ทะลุระดับ 1,600 จุด ซึ่งเป็นแนวต้านระดับจิตวิทยานับจากต้นปี 2560 อย่างง่ายดาย (ดีกว่าที่ผมคาด) ด้วยปริมาณการซื้อขายเกือบแสนล้านบาท (รวมการซื้อขายบิ๊กล๊อต หุ้นบริษัท เบอรี่ยุคเกอร์ ด้วย)

คำถามมากมายจากลูกค้าคือ แรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติที่ผลักดันตลาดหุ้นไทยนั้นจะต่อเนื่องหรือไม่ หรือเป็นเพียงการ rebalance พอร์ตในไตรมาสสามแล้วจบ รวมไปถึงเหตุผล การซื้อเพื่อ cover short (การยืมหุ้นมาขายก่อนแล้วซื้อคืนส่งมอบภายหลัง) ของกองทุนต่างชาติเท่านั้นหรือไม่

นักลงทุนคาดหวังปัจจัยบวกอะไรที่ผลักดันตลาดหุ้นไทยให้ทะลุ 1,600 จุดภายในวันเดียว

1.นักลงทุนไทยอาจคาดหวังการเริ่มต้นเลือกตั้งใหม่เกิดขึ้นได้เร็วขึ้นในปี 2561 ซึ่งในมุมมองนักกฎหมากระบวนการในรัฐสภาสำหรับการร่างและผ่านกฎหมายต่างๆเพื่อรองรับการปฎิรูปในหน่วยงานหลายภาคส่วนนั้นคงไม่ทันใน 6 เดือนแรกปีหน้า การเลือกตั้งในไตรมาสสุดท้ายปีหน้าพอคาดหวังได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่จากประเด็นการตัดสินดดีจำนำข้าว หรือ การไม่ฟังคำตัดสินของอดีตนายก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

2.ความคาดหวังเรื่องเศรษฐกิจไทยจะมีอัตราเร่งตัวใน 6 เดือนหลังปี 2560 ต่อเนื่องไปปีหน้า ประเด็นนี้เป็นไปได้ เนื่องจากฐานตัวเลขต่ำในครึ่งหลังปี 2559 สำหรับการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ตัวเลขท่องเที่ยว การส่งออก งบด้านโฆษณาเพื่อกระตุ้นยอดซื้อสินค้า คอนเสิรต์ งานรื่นเริงต่างๆ เทียบกับปัจจุบันตัวเลขการท่องเที่ยว การส่งออก การใช้จ่ายภายในประเทศกำลังฟื้นตัว แต่อัตราการผลิต และการจ้างงาน สต๊อกสินค้าในภาคอุตสาหกรรมกำลังปรับตัวลงจากยอดซื้อชะลอต่อเนื่องช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา

3.ราคาน้ำมันดิบ และ สินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภทเข้าสู่ภาวะทรงตัว หรือ ปรับลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อต่ำต่อไปและธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ต้องรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดหุ้นก็น่าจะได้เปรียบกว่าตลาดตราสารหนี้ แต่จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์จะไม่วิ่งขึ้นได้มากมายนักจากระดับราคาปัจจุบัน

4.กำไรสุทธิต่อหุ้นบริษัทจดทะเบียนโดยรวมต่ำกว่านักวิเคราะห์คาดเล็กน้อย สำหรับ 6 เดือนแรก อย่างไรก็ดี ประมาณการทั้งปีกำไรสุทธิต่อหุ้นน่าจะขยายตัวได้ราว 4% สำหรับ 2560 และประเมินว่ากำไรสุทธิต่อหุ้นปีหน้าจะขยายตัวได้ราว 8-10% (จากข้อมูลที่ผ่านมานับจากปี 2555-2559 กำไรสุทธิต่อหุ้นของตลาดหุ้นไทยขยายตัวได้เฉลี่ยเพียง 1.43% ต่อปี และหากนักวิเคราะห์ประเมินปีนี้ได้ถูกต้อง กำไรสุทธิต่อหุ้นสำหรับตลาดหุ้นไทยย้อนหลัง 5 ปีจะขยายตัวได้เฉลี่ยเพียง 3.15% ต่อปี) ขณะที่กำไรต่อหุ้นของตลาดหุ้นในอาเซียนขยายตัวได้ดีกว่า ไทย

5.ค่าพีอีของตลาดหุ้นไทยยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตลาดหุ้นในอาเซียนราว 8% ส่วนต่างมูลค่าอาจแคบลง เราพบว่าส่วนต่างมูลค่าของตลาดหุ้นไทยเทียบกับภูมิภาคจะหมดไป เมื่ออัตราขยายตัวกำไรต่อหุ้นโดยรวมของไทยมากกว่า 8% ขึ้นไป ปัจจุบันค่าพีอีของตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่สูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยระยะยาว 5 ปีในระดับที่สูงและเสี่ยงต่อการถูกเทขายทำกำไร

6.เม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติเฉลี่ยย้อนหลัง 4 สัปดาห์สะท้อนเงินทุนไหลออกจากเอเชีย นับจากสิ้นเดือนพ.ค โดยยอดซื้อสะสมของไทยก็มีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่สัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยต่ำสุดนับจากวิกฤตการเงินสหรัฐ

7.เทคนิคคอลกลายเป็นสัญญานบวกหลังจากดัชนีทะลุกรอบต้าน 1,600 จุดด้วยปริมาณการซื้อขายเกือบแสนล้านบาท ค่าความผันผวนปรับตัวขึ้นแต่โครงสร้างของค่าความผันผวนบ่งบอกตลาดหุ้นไทยอาจขึ้นเร็ว และลงเร็ว

สรุป คือ ดัชนีตลาดหุ้นไทยอาจยังคงวิ่งปรับขึ้นได้ในสัปดาห์นี้ เนื่องจากสัญญาณเชิงบวกจากระยะสั้นเกิดขึ้น ซึ่งสะท้อนว่าโมเมนตัมของราคาหุ้นส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยน่าจะทดสอบระดับ 1,650 จุดได้ โดยปัจจัยตัวเลขด้านพื้นฐานกำไรบริษัทที่สนับสนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยยังไม่สนับสนุนเท่าไรนัก