สมองแล่นเมื่อได้หยุดพัก

สมองแล่นเมื่อได้หยุดพัก

พฤติกรรมการทำงานในรูปแบบใดที่ท่านผู้อ่านคิดว่าจะดีกว่ากัน ระหว่าง ก) ทำงานหนักตลอดเวลา ตั้งแต่เช้าจนค่ำ ทำแต่งาน และคิดแต่เรื่องเกี่ยวกับงาน

ข) ทำงานหนักบ้าง หยุดพักบ้าง บางครั้งก็นั่งเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่าง พักผ่อนหย่อนใจและหาความบันเทิงเป็นระยะๆ?

เจ้านายส่วนใหญ่ก็มักจะชอบลูกน้องที่ทำงานหนักตลอดเวลาตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แบบที่ไม่ต้องมีการพักผ่อน แต่ผลจากการวิจัยจากหลากหลายแหล่งล้วนแสดงให้เห็นตรงกันว่าพวกที่ทำงานบ้าง หยุดพักบ้าง กลับนำไปสู่การทำงานและผลผลิตที่ดีกว่าเนื่องจากช่วงเวลาที่เราหยุดพักนั้นจะเป็นเวลาที่ไอเดียใหม่ๆ โผล่ขึ้นมาทั้งๆ ที่เราไม่ได้คิดถึงมันเลย

ท่านผู้อ่านลองนึกถึงกรณีของตัวท่านเองก็ได้ครับว่าช่วงเวลาที่เป็น A-Ha moment หรือช่วงที่ไอเดียบรรเจิดเกิดขึ้นนั้นมักจะเป็นช่วงไหน? มีผู้บริหารท่านหนึ่งมาคุยกับผมและเล่าให้ฟังว่าสำหรับเขาแล้ว ช่วงเวลาที่สมองแล่นที่สุดคือหลังอาบน้ำ และแล่นจนถึงขั้นที่ภรรยาเขาจะต้องเตรียมกระดาษและดินสอไว้ในห้องน้ำตลอดเวลาเพื่อให้เขาจะได้จดไอเดียที่ผุดขึ้นมาระหว่างการอาบน้ำ

ย้อนกลับไปสมัย Leonardo de Vinci กำลังทำงานศิลป์ระดับโลกอย่าง The Last Supper ตัว de Vinci มักจะหาเวลาหยุดพักเป็นระยะๆ รวมทั้งชอบนั่งเหม่อลอยเหมือนฝันกลางวันตลอดเวลา จนกระทั่งผู้ว่าจ้าง deVinci จะต้องคอยเตือนให้ de Vinci คอยทำงานเร็วๆ คำตอบที่ได้รับจากอัจฉริยะผู้นี้กลับเป็นประโยค “The greatest geniuses sometimes accomplish more when they work less”

จาก de Vinci จนกระทั่งถึงนักปรัชญายุคปัจจุบันอย่างเช่น Bertrand Russel และJosef Pieper ซึ่งต่างมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันวัน โดยมีแนวคิดที่น่าสนใจว่าวิวัฒนาการของมนุษย์ชาตินั้นเกิดขึ้นเมื่อเราพักผ่อน เนื่องจาก ไอเดียและความคิดดีๆ ที่เรามีนั้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อเราหยุดแสวงหามัน และไอเดียที่เกิดขึ้นจากช่วงที่เราพักผ่อนนั้นเอง จะช่วยทำให้เกิดพัฒนาการของมนุษยชาติ

ผมไม่ได้สนับสนุนให้หยุดทำงานโดยเด็ดขาดและพักผ่อนตลอดเวลาเพียงอย่างเดียวนะครับ เพียงแต่การทำงานหนักตลอดเวลา โดยขาดการหยุดพักเป็นระยะๆ นั้นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีสุดสำหรับการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) ของเรา ขนาด Henry Ford ซึ่งถือเป็นผู้บุกเบิกในเรื่องของกระบวนการผลิตแบบมีประสิทธิภาพอย่าง Mass Production ยังเป็นผู้ที่ผลักดันที่จะลดชั่วโมงการทำงานจากในอดีตที่เป็นสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง ให้เหลือเพียง 40 ชั่วโมง โดย Ford มองว่าการทำงานที่มากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้พนักงานของเขาทำงานผิดพลาด

นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบเช่นเดียวกันครับว่าเมื่อเวลาที่เราว่างและไม่คิดอะไรนั้น บางส่วนของสมองของเราจะถูกกระตุ้นและเชื่อมต่อกันมากกว่าปกติ ดังนั้นเมื่อเวลาเราว่างหรือพักผ่อน ที่สมองเราจะไม่คิดอะไรนั้น ความคิดสร้างสรรค์จะก่อเกิดขึ้นมา

มีงานวิจัยที่พบอีกว่าการทำงานโดยใช้สมาธิเป็นระยะๆ หลังจากนั้นก็หยุดพักเป็นระยะๆ เป็นวิธีการที่ทำให้เราสามารถทำงานได้อย่างมีผลิตภาพที่สุด ดังนั้นถ้าท่านอยากจะให้การทำงานออกมามีผลดีที่สุด ต้องระวังอย่าทำงานยาวนานโดยไม่หยุดพักนะครับ ต้องหยุดพักเป็นระยะๆ เนื่องจากจะทำให้เราสามารถมีสมาธิกับงานได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีไม่ใช่ว่าการหยุดพักการทำงานนั้นจะต้องหยุดพักยาวๆ นะครับ แต่ควรจะเป็นการหยุดพักสั้นๆ เป็นระยะๆ จะช่วยในการเพิ่มสมาธิในการทำงานมากกว่า

งานวิจัยอีกชิ้นหนึ่งพบว่าพนักงานที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดไม่ใช่พวกที่ใช้เวลาในการทำงานนานที่สุด พนักงานที่มีผลการทำงานที่ดีนั้นกลับทำงานไม่ถึงวันละ 8 ชั่วโมงด้วยซ้ำไป มีการวิเคราะห์ลงไปถึงขั้นที่ว่าเวลาในการทำงานและเวลาในการหยุดพักที่ดีที่สุดนั้น คือ การทำงาน 52 นาที และหยุดพัก 17 นาที

ดังนั้นอย่าลืมหยุดพักระหว่างการทำงาน หรือให้เวลากับตัวเองในการพักผ่อนหรือคิดเรื่อยเปื่อยบ้างนะครับ แล้วท่านจะพบว่าท่านจะทำงานได้อย่างมีสมาธิขึ้น รวมทั้งทำให้ผลงานออกมาดีขึ้นด้วย