งานดีขึ้นได้เพราะมี4C

งานดีขึ้นได้เพราะมี4C

งานสำเร็จได้ เพราะมีคนลงมือทำ แต่ทำแล้วงานเสร็จดีมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับฝีมือของคนทำงานนั้น ก่อนจะลุยทำงานใด ให้ประเมินกำลังดูก่อนว่างานขนาดนี้

ต้องอาศัยคนสักกี่คน คือดูก่อนเลยว่า C ตัวแรก คือ Capacity หรือจำนวนคนทำงานที่ต้องการในการทำงานนั้นมีเพียงพอหรือไม่ ถ้าเป็นงานใหญ่ แม้ว่าจะไม่ใช่งานที่ยาก แต่หากมีคนน้อยเกินไป งานใหญ่นั้นคงสำเร็จเสร็จสิ้นได้ยากมาก ๆ

งานยากขึ้นเสมอถ้ามีคนทำน้อยเกินไป คนน้อยเกินไปก็ต้องหาคนมาเติมให้มีจำนวนพอเหมาะพอควรสำหรับงานนั้น แต่จำนวนอย่างเดียวยังไม่ได้ให้คำตอบทั้งหมด ต้องดู C ตัวที่สอง ซึ่งสำคัญไม่น้อยกว่า C ตัวแรก คือ Capability หรือขีดความสามารถของคนทำงาน จะทำงานใดต้องมั่นใจก่อนว่าคนของเรามีฝีมือเพียงพอในงานนั้น เช่นมีความรู้ มีประสบการณ์เพียงพอที่จะทำงานนั้นให้สำเร็จได้ งานเดียวกัน ถ้ามีคนทำงานที่ฝีมือดีๆ จำนวนคนก็อาจลดลงไปได้บ้าง Capacity กับ Capability จึงต้องมาคู่กัน

โดยระวังไว้ด้วยว่าเพิ่มจำนวนคน โดยไม่ได้ดูเรื่องระดับขีดความสามารถว่าใกล้เคียงกับคนเดิมหรือไม่ คนที่เพิ่มขึ้นมาถ้าเก่งน้อยกว่าคนเดิมที่มีอยู่ งานจะเสร็จช้าลงกว่าที่ทำโดยไม่เพิ่มคน เพราะคนเก่งกว่าต้องเสียเวลาไปกับการแก้ปัญหาที่คนไม่เก่งสร้างขึ้นมา เร่งงานโดยเพิ่มคนให้ผลที่เป็นความล่าช้าที่มากกว่าเดิม เพราะเพิ่มคนที่มีขีดความสามารถไม่เพียงพอจะทำงานนั้นให้สำเร็จได้

มีคนในจำนวนที่เพียงพอสำหรับงานนั้น คนมีขีดความสามารถที่เพียงพอสำหรับงานนั้นแล้ว เรื่องก็ยังไม่จบ เพราะยังต้องดูว่ามีเครื่องมือ เครื่องจักร หรืออะไรอื่นที่จะนำมาใช้ช่วยสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้น ต้องมี C ตัวที่สาม คือ Climate หรือสภาพแวดล้อมที่อำนวยให้คนทำงานสามารถทำงานได้ประสบผลสำเร็จ เก่งแค่ไหนก็ตามแต่ไม่มีเครื่องมือเครื่องจักรสำหรับใช้ทำงานนั้น งานก็ไม่สำเร็จอยู่ดี สภาพแวดล้อมในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ยังรวมไปถึงการพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้น ตามความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ไม่เช่นนั้นการงานจะสำเร็จด้วยดีในวันนี้ แต่ไม่แน่ว่าจะสำเร็จในวันหน้า เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ในขณะเดียวกันต้องดูแลให้มีความปลอดภัยในการทำงาน ปราศจากสิ่งที่เป็นภัยต่อสุขภาพที่อาจต้องพบเจอในระหว่างการทำงาน ถ้าทำงานแล้วยังต้องคอยระวังความปลอดภัย ต้องคอยระวังไม่ให้เจอะเจอสิ่งที่เป็นภัยต่อสุขภาพ จะหวังให้การงานสำเร็จเร็ว สำเร็จด้วยดี คงหวังไม่ได้มากนัก

ยุคนี้จะทำงานไปแบบเดิม ๆโดยตลอด แล้วหวังว่าทำเหมือนเดิมในวันหน้า ก็จะพบความสำเร็จเหมือนที่พบในวันนี้ไม่ได้แล้ว ต้องระลึกไว้เสมอว่าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เราสามารถทำงานเดิมด้วยวิธีการใหม่ๆ ได้ วิธีการใหม่ๆ เหล่านี้ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นมาเองจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี อีกส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่ใส่ใจใฝ่รู้หาหนทางปรับเปลี่ยน ใส่ใจค้นหาจุดอ่อน หรือจุดแข็งของวิธีการทำงานแบบเดิมๆ แล้วท้าทายดูว่าทำไมต้องทำแบบเดิม ตรงไหนบ้างที่เปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นได้บ้าง ซึ่งจะทำแบบนี้ได้ ต้องมี C ตัวที่สี่ คือ Curiosity หรือความใฝ่รู้ ซึ่งมีงานวิจัยหลายงานที่แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างะดับความใฝ่รู้ของคนทำงาน กับ ระดับความความสำเร็จของงานนั้น ยิ่งใส่ใจใผ่รู้มากแค่ไหน โอกาสที่จะยกระดับความสำเร็จให้เพิ่มขึ้นก็มีมากขึ้นตามไปด้วย

ตัว C สามตัวแรก คือ Capacity Capability และ Climate เป็นเรื่องที่ผู้บริหารและคนทำงานต้องปรึกษาหารือกันว่ามีคนมากไป น้อยไป เก่งพอหรือไม่ มีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการทำงานได้ดีที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้แล้วหรือไม่

โดยต้องระวังด้วยว่าคนทำงานแต่ละกลุ่มอาจเห็นไม่ตรงกัน การจัดสภาพแวดล้อมสนับสนุนการทำงาน จึงต้องคิดเรื่องความต้องการที่แตกต่างในหมู่คนทำงานไว้ด้วย C ตัวที่สี่ คือ Curiosity เกิดขึ้นได้จากการมีอิสระในการเลือกวิธีทำงานที่แตกต่างไปจากขั้นตอนเดิม ๆ ซึ่งความเป็นอิสระนี้เกิดจากความใจกว้างของผู้บริหาร ที่เปิดโอกาสทุกคนได้คิดหาหนทางใหม่ ๆที่ดีกว่าเดิม ไม่กำกับให้ทุกอย่างต้องเป็นอย่างนี้อย่างนั้น Curiosity จะเกิดขึ้นได้ผู้บริหารต้องพร้อมจะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ร่วมกับคนทำงาน

Curiosity หรือความใส่ใจใฝ่รู้ในการงานที่ทำจะช่วยให้มั่นใจว่าจะมีความสำเร็จเกิดขึ้นในวันหน้า