1-2-3 โดดเข้าตลาดออนไลน์ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง 

1-2-3 โดดเข้าตลาดออนไลน์ง่ายๆ ทำได้ด้วยตัวเอง 

ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาท และส่งผลกับพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างมาก

จากสถิติล่าสุดของ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ สพธอ. พบว่าคนไทยใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตถึง 50.3 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ หรือคิดเป็น 7.2 ชั่วโมงต่อวัน  

กว่า 6.4 % ของผู้ตอบแบบสอบถาม “เคยซื้อ” สินค้าออนไลน์ จากสถิติเหล่านี้กำลังบอกอะไร

แน่นอนครับหากใครยังใช้เพียงแค่สื่อออฟไลน์ หรือสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) เช่น โทรทัศน์ วิทยุ หรือ ป้ายบิลบอร์ดต่างๆ ในการเข้าถึงลูกค้า หรือมีเพียงแค่หน้าร้านออนไลน์น่ากลัวมากนะครับ 

เพราะคนสมัยนี้นอกจากมีโลกจริงแล้ว พวกเขายังให้เวลากับโลกเสมือน หรือ อินเทอร์เน็ตพอๆ กับการนอนของตัวเองเลย ตั้ง 7.2 ชั่วโมง บางคนอาจจะมากกว่าเวลานอนด้วยซ้ำ ถึงเวลาแล้วครับกับการนำธุรกิจและแบรนด์ของคุณเข้าสู่ตลาดออนไลน์ 

ในการทำธุรกิจออนไลน์ มีปัจจัยหรือองค์ประกอบบางข้อ ที่สร้างเงินเป็นกอบเป็นกำ ธุรกิจออนไลน์ปัจจุบัน เราลองมาวิเคราะห์กันดู ว่าปัจจัยไหน หรือทำอะไรกันแน่ที่สามารถสร้าง กำไรจากธุรกิจออนไลน์

ขั้นตอนง่ายๆแค่นับ 1 2 3

ขณะที่เรามีหลากหลายทางเลือกที่จะนำเสนอ ว่าเราทำอะไรไปแล้วในการตลาด ซึ่งส่งผลมากมายหลากหลาย แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด ได้บอกถึงหลักการบางข้อ ที่ส่งผลไม่ต่างอะไรกับหลักการขายตรง ที่ถูกสอนมากกว่าหลาย 10 ปี

1.ดึงคนเข้าหน้าเว็บไซต์ (Drive Traffic to your Website)

โมเดลธุรกิจ ที่มักใช้จำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์ (Traffic) เป็นปัจจัยสำคัญ ใครหลายคนรวมถึงผม อาจจะต้องประหลาดใจหากพบว่า มีกรณีศึกษามากมาย ที่ผสมผสานวิธีการ 1 2 หรือ 3 วิธีเพื่อกระตุ้น จำนวนคนเข้าเว็บไซต์ให้มากขึ้น และเป็นเชื้อเพลิงในการทำธุรกิจต่อไป เพราะในธุรกิจออนไลน์ คนเข้าเว็บไซต์ก็เหมือนคนเดินเข้าหน้าร้านออนไลน์ของคุณนั่นเอง ซึ่งแตกต่างที่ว่าในโลกออนไลน์ สามารถรู้แหล่งที่มาของคนที่เข้ามาชมเว็บไซต์ว่าพวกเขารู้จักร้านเราผ่านช่องทางไหนนั่นเอง 

วิธีการยอดนิยม การโฆษณาด้วยการจ่ายเงินจำนวนคลิกเพื่อเข้าชมเว็บไซต์จาก google adwords (Pay Per Click) เป็นเครื่องมือที่สามารถดึงคนเข้าเว็บไซต์ได้เร็วที่สุด 

หากคุณตั้งใจทำมันอย่างถูกวิธี และหมั่นปรับปรุงให้ประสิทธิภาพของโฆษณาดียิ่งขึ้น (Optimized) คุณสามารถ “เสกและสร้าง” คนเข้าเว็บไซต์หลักพันหลักหมื่นได้ในทันที โดยที่ต้นทุน ต่ำมากกว่าเงินรายได้ที่จะได้รับลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสินค้าแน่นอน 

แต่ถ้าคุณทำมันอย่างผิดวิธี คุณก็จะเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ วิธีนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้และศึกษา แต่เชื่อเถอะว่าผลตอบแทนคุ้มค่าอย่างแน่นอน

สำหรับในด้านของ การปรับปรุงเนื้อหาเว็บไซต์ให้เหมาะสมกับหลักการทำงานของเครื่องมือการค้นหา (Search Engine Optimization :SEO) ก็เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งในการดึงคนเข้าเว็บไซต์ ซึ่งการมีคนเข้าเว็บไซต์มากๆนั้น จะส่งผลต่ออันดับที่แสดงผลในกูเกิล เสิร์ช หากมีคนเข้ามากเว็บไซต์ ก็จะขึ้นไปในอันดับต้นๆ วิธีการทำคอนเทนท์ มาร์เก็ตติ้ง ก็เป็นปัจจัยหนึ่งในการทำ SEO

วิธีการนี้เหมาะสำหรับคนที่ขยัน ที่จะเรียนรู้ถึงตัวเนื้อหาที่สัมพันธ์กันกับหลักการการค้นหาของกูเกิล จะสามารถส่งผลให้ เข้าเว็บไซต์ของคุณ มีคนเขายังได้มากมาย และที่สำคัญการทำ SEO ต้องใช้เวลาสักพัก จึงจะเห็นผลในการจัดอันดับเว็บไซต์ของกูเกิล

การทำการตลาดออนไลน์ผ่านตัวแทน (Affiliate Marketing) เป็นวิธีให้คนอื่นๆ ช่วยพูดถึงแนะนำสินค้าหรือบริการของคุณ และเมื่อใดก็ตามที่เขาส่งลูกค้ามา หรือมาซื้อสินค้าบริการของคุณ เราก็จะจ่ายเงินค่าตอบแทนให้กับคนที่เป็น

แนะนำลูกค้าให้กับเรา โดยเราสามารถวิเคราะห์ติดตามได้ว่าใครบ้าง เป็นคนที่ส่งลูกค้ามาให้กับเรา และการจ่ายก็จะจ่ายก็ต่อเมื่อเราได้ลูกค้าที่ซื้อกับเราเท่านั้น (Pay Per Acquisition) 

วิธีการที่ได้รับความนิยมในประเทศไทยที่ 1 คือ โซเชียลมีเดีย ทั้งในรูปแบบของการโฆษณาโปรโมทโพสต์ในโซเชียลมีเดีย และในการทำคอนเทนท์ มาร์เก็ตติ้ง บนช่องทาง โซเชียล มีเดีย เพื่อดึงคนเข้าเว็บไซต์นั่นเอง โดยช่องทางที่ได้รับความนิยมในบ้านเรา เฟซบุ๊ค ที่มาเป็นอันดับหนึ่ง 

2.สร้างยอดขาย (Generate Sale)

เมื่อมีจำนวนคนเข้าชมเว็บไซต์แล้วขั้นตอนต่อไปคือการสร้างกำไรจากคนเข้าเว็บไซต์เหล่านั้นคือการพัฒนา “อัตราการเปลี่ยนจากผู้ชมเป็นผู้ซื้อ" (Conversion Rate) คืออัตราส่วนระหว่างจำนวนผู้ซื้อสินค้าบนเว็บไซต์กับจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์ เช่น มีคนซื้อสินค้า 10 คน และมีคนเข้าชมเว็บไซต์ 100 คน อัตราเปลี่ยนจากผู้ชมเป็นผู้ซื้อ คิดเป็น 10% ซึ่งมีปัจจัยหลักๆ ในการเพิ่มอัตราการเปลี่ยนผู้ชมเป็นผู้ซื้อมี 2 ส่วน 

ส่วนแรกคือ คุณภาพเว็บไซต์ ทั้งในเนื้อหา และรูปภาพ

ตัวเนื้อหาหรือรายละเอียดสินค้าสื่อถึงการใช้งานของผลิตภัณฑ์นั้นได้อย่างชัดเจน

คุณภาพของรูปภาพ และความสวยงามของเว็บไซต์ เว็บไซต์ที่ดีรูปภาพต้องชัดเจนและสื่อถึงลักษณะการใช้งาน อาจเป็นภาพจากขึ้นตอนการใช้สินค้า จะดึงดูดให้คนซื้อมากขึ้น

ส่วนที่สองคือ นอกจากนี้การจัดโปรโมชั่นกระตุ้นให้คนเกิดการซื้อในครั้งแรก (Front-end Offer ) เพื่อเกิดกระตุ้นให้เกิดการซื้อครั้งแรกนี้อาจจะไม่ได้สร้างกำไรในมาก หรืออาจจะขาดทุนด้วยซ้ำ แต่ถือเป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ สร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาวนั่นเอง ซึ่งการซื้อครั้งแรกจะนำไปสู่ขั้นตอนที่ 3 ต่อไป

3.เพิ่มยอดขายและสร้างกำไรให้มากขึ้น (Generate more Sale & Profit)

หลักการของขั้นตอนที่ 3 คือการโน้มน้าวให้ลูกค้าที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณกลับมาซื้อซ้ำและซื้อให้มากขึ้น จากขั้นตอนที่ 2 โปรโมชั่นเพื่อการดึงดูดลูกค้าใหม่ (Front-end Offer) จะสร้างเงื่อนไขในการซื้อ (เหตุผลที่เหมาะสมในการซื้อสินค้านั้นๆ) 

ในขั้นตอนที่ 3 จะเกิดการขายสินค้าที่ราคาแพงขึ้น (Up-sells) หรือขายสินค้าในราคาที่ถูกลง (Down-sells) แม้กระทั่งขายข้ามสายผลิตภัณฑ์ (Cross- Sells) ทั้งในสินค้าในรูปแบบออนไลน์ และสินค้าปกติทั่วๆไป หรือบริการต่างๆ เป็นต้น ง่ายๆคือการขายสินค้าที่อยู่ในประเภทอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขายต่อบิลให้มากขึ้น เช่น ซื้อหนังสือ + E-Book แถมด้วยคอร์สสัมมนา ในราคาพิเศษ เป็นต้น

แม้ว่าไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่จะใช้ประโยชน์จากข้อเสนอเหล่านี้ กลยุทธ์นี้จะยิ่งได้ผลมากขึ้น หากมีการจัดกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มย่อยๆ (small segments) วิเคราะห์และดึงดูดด้วยโปรโมชั่นเพื่อให้เหมาะกับข้อเสนอของคุณ การสร้างกำไรในส่วนนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งการทำโปรโมชั่นในลักษณะนี้สามารถสร้างกำไรได้เป็น 10 หรือ100 หรือขนาด 1,000 เท่าของยอดขายจากข้อเสนอในขึ้นตอนที่ 2 ที่จะเป็นในลักษณะกระตุ้นให้เกิดการซื้อในครั้งแรก

ลองศึกษาให้ลึกจากข้อมูลในอดีต แล้วลงแบ่งกลุ่มลูกค้าตามลักษณะการซื้อ หรือวิเคราะห์จากแหล่งผู้ชมเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ใครเป็นลูกค้าขาประจำผู้น่ารัก หรือลูกค้ารายใหญ่ที่สร้างกำไร (ซื้อไม่บ่อยแต่ซื้อเยอะลองใช้ 3 ขั้นตอนด้านบนศึกษากลุ่มคนเหล่านี้

หลังจากวางระบบและกระบวนการเหล่านี้แล้ว สามารถประเมินได้ว่าจำนวนลูกค้าของเว็บไซต์เป็นเท่าไร จำนวนคนเข้าเว็บไซต์เป็นเท่าไร และลูกค้าที่ซื้อ ข้อเสนอเพื่อครั้งแรก (Front-end Offers) ส่วนใหญ่มาจากช่องทางไหน รวมถึงลูกค้าที่ซื้อจากข้อเสนอที่เป็นการเพิ่มผลกำไร (Back-end Offers) เช่นกัน 

การวิเคราะห์โดยละเอียดในแต่ละกลุ่มลูกค้าทำให้คุณสามารถประเมินคุณค่าของลูกค้าของคุณในแต่ละกลุ่มได้ รวมถึงค่าเฉลี่ยของยอดขายต่อลูกค้า (AOV : Average Order Value) สำหรับธุรกิจของคุณอีกด้วย

หวังว่าคงได้รับประโยชน์ของการตลาดออนไลน์เพื่อนำไปปรับใช้กับธุรกิจมากขึ้นนะครับ แต่อย่ามัวแต่วางแผนนะครับ “จงคิดให้แตกต่าง” และสิ่งสำคัญคือ “ลงมือทำ” อย่าให้ Planning นิ่งสมชื่อ ไม่มีเวลาไหนเหมาะสมสำหรับการทำการตลาดออนไลน์เท่าเวลานี้แล้วครับ 

นอกจากปลาใหญ่จะกินปลาเล็กแล้ว ในยุคอินเทอร์เน็ต ปลาเร็วสามารถกินปลาช้าได้นะครับ แปลงร่างเป็นปลาเร็วกันเถอะครับ!!!