ย้ำอีกที !!! พรรคนี้250เสียง
แม้ว่ารัฐบาลคสช.ยังไม่ยอมให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหวทำกิจกรรมแต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่แต่ละพรรคจะปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
เพราะการ“แข่งขัน”ตามกติกาใหม่ ต้องมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์กันอยู่พอประมาณ
และยังต้องคำนวณกันแม่นๆ ระหว่างจำนวนส.ส.เขต กับ“คะแนน”ในส่วนที่จะกลายเป็นแต้มของระบบบัญชีรายชื่อ
ถึงแม้จะยังไม่รู้ว่า“ทหาร”จะยอมให้มีการทำกิจกรรมได้อย่างถูกต้องเมื่อใด
แต่อย่างน้อยพรรคการเมืองก็รู้ได้คร่าวๆ ว่าอยู่ในระยะ 1 ปีข้างหน้า ถ้าไม่มี“อุบัติเหตุ”เกิดขึ้น
การเคลื่อนไหวทางการเมืองจึงจำเป็นต้องมี...
บางพรรคเริ่มมีการ“ดูแล”ผู้สมัครในกลุ่มหวังผล เพื่อให้มีความสามารถในการเดินลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน
หลายพื้นที่“พวงหรีด”ในงานศพจากนักการเมืองเริ่มมีให้เห็น
บางพรรคส่งอดีตส.ส. แกนนำพรรคลงพื้นที่พบผู้นำท้องถิ่น อดีตส.ส.สอบตก โดยเฉพาะคนที่เคยพลาดหวังแบบฉิวเฉียด เพื่อเชื้อเชิญมาลงสมัครรับเลือกตั้ง
คนกลุ่มนี้ไม่ได้ถูก“จีบ”มาเพื่อเป็นส.ส.ทำงานในสภาฯ...แต่เชิญมาเพื่อ“แพ้”
เพราะพรรคการเมืองหวังว่าคนกลุ่มนี้ ที่มีฐานเสียงอยู่บ้างพอเป็นทุน จะเป็นคะแนนสำหรับปาร์ตี้ลิสต์
เหมือนที่พรรค“ขนาดกลาง”บางพรรค เชื่อว่าจะมีจำนวนส.ส.เพิ่มขึ้น อาจจะถึง 2 เท่า
จากการ“จำลองตัวเลข”เดิม ทั้งผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้ง และผู้สมัครที่สอบตก
เพราะการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาพลาดท่าแพ้พรรคใหญ่ด้วยคะแนนแตกต่างไม่มาก ในหลายเขต
ขณะเดียวกันเป้าหมายของทุกพรรคการเมือง ก็คือการสนับสนุนให้หัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรี
ซึ่งแน่นอนว่าตาม“กติกาสากล”พรรคการเมืองใดได้เสียงข้างมาก ก็จะได้สิทธิในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
และเป้าหมายสูงสุดก็คือการผลักดันหัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ หรือพ่วงด้วยเลขาธิการพรรค หรือ“ผู้จัดการรัฐบาล” นั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แต่ก็มีคำถามว่าจะมีพรรคการเมืองไหนลงพื้นที่ขอคะแนนเสียงได้มากไปกว่า...
พรรคที่ถือ 250 เสียงในสภาฯ “คอยท่า”อยู่ก่อนแล้ว !!!