สิงหา...ตลาดหุ้นร้อน

สิงหา...ตลาดหุ้นร้อน

ความผันผวนของดัชนีตลาดหุ้นลดลงต่ำผิดปกติ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยมีค่าความผันผวนต่ำสุดในรอบ 10 ปี

หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นไปกว่า 8-20% แต่ตลาดหุ้นไทยดูซึมเซา แต่นักลงทุนอาจประหลาดใจ คือ ตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ว่าจะให้อัตราผลตอบแทนดีเพียงใด แต่เรามีลักษณะหนึ่งที่เหมือนกัน คือ ความผันผวนของดัชนีตลาดหุ้นลดลงต่ำผิดปกติ โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยมีค่าความผันผวนต่ำสุดในรอบ 10 ปี

หลายท่านอาจมองว่า ค่าผันผวนต่ำก็ดีซิ แต่ในความนิ่งนั้น ผมพบว่า ความเสี่ยงของตลาดหุ้นทั่วโลกกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจาก การปรับตัวของตลาดหุ้นหลายแห่งนั้นเริ่มไม่สอดคล้องกับอัตราเติบโตกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีสัญญานชะลอตัวลง นั่นแสดงว่า แม้ว่าเราเห็นผิวน้ำดูสงบราบเรียบ แต่คลื่นใต้น้ำเริ่มดูจะทวีความรุนแรงขึ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกส่วนใหญ่ซื้อขายด้วยมูลค่าไม่ระดับใกล้เคียงระดับจุดสูงสุดในเชิง มูลค่าตลาดเทียบกับกำไร หรือ ค่าพีอี และสัญญานเตือนคือ กำไรโตตามไม่ทัน อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่าที่ควรจะเป็นที่บ่งบอกว่า กำไรของบริษัทจะไม่สามารถขยายตัวดีได้อย่างยั่งยืน

สำหรับตลาดหุ้นไทย ผลประกอบการไตรมาสสอง ปี 2560 ดูอ่อนแอกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาด แม้ว่านักลงทุนและนักวิเคราะห์จะประเมินว่ากำไรรวมของตลาดหุ้นไทยในไตรมาสสองนี้จะลดลงทั้งเทียบกับปีก่อน และไตรมาสแรกก็ตาม ปรากฎว่า กำไรโดยรวมอาจลดลงต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ถึง 18% ซี่งแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินว่า ลดลง 12%

นอกจากนี้ จำนวน และธุรกิจบริษัทขนาดเล็กเท่านั้นที่ประกาศตัวเลขน่าผิดหวังในไตรมาสแรก แต่บริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ยังคงรักษาอัตราเติบโตของกำไรได้ในระดับน่าพอใจ ในทางกลับกัน จำนวน และธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่เริ่มได้รับผลกระทบจากภาคเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัว ทำให้บริษัทเหล่านี้พร้อมประสานเสียงประกาศตัวเลขกำไรออกมาแย่กว่าที่คาด ในไตรมาสสองเช่นกัน

ค่าเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าจากต้นปีราว 5-6% เริ่มส่งสัญญานด้านลบเพิ่มมากขึ้นต่ออัตราการขยายตัวด้านการส่งออก และ ท่องเที่ยว ตลอดจนกำไรของบริษัทจดทะเบียนในภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

ราคาทองคำทะยานขึ้นต่อเนื่องไปสู่ระดับ 1,300 เหรียญต่อออนส์เมื่อตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐไม่มีสัญญานเงินเฟ้อมากนัก รัฐบาลสหรัฐไม่ได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่คาดหวัง ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐเริ่มหยุดอีกครั้ง ปรกอบกับความเสี่ยงด้านการเมืองระหว่างประเทศสหรัฐ และเกาหลีเหนือ กลับมาร้อนแรงตามอุณหภูมิเอเซีย ทำให้นักลงทุนเริ่มเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในกระดาน

สำหรับมุมมองการลงทุนของบล. บัวหลวง เราเริ่มเตือนนักลงทุนในปลายเดือนกรกฎาคมให้ทยอย ขายทำกำไร ในเงินลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ เยอรมัน ไทย และอินเดีย เนื่องจากความเสี่ยงของการปรับฐานของตลาดหุ้นใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมกับปรับน้ำหนักการลงทุนในทองคำ และลงในตลาดเงิน ให้สูงขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน โดยพอร์ตโมเดลของการจัดสรรเงินลงทุนจากต้นปี นั้นเข้าสู่ระดับเป้าหมาย 7.19% แล้ว (รายละเอียดใน รายงานการกระจายเงินลงทุนในสินทรัพย์ ประจำเดือนสิงหาคม)

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในเดือนสิงหาคม เราประเมินว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนที่อ่อนแอ จะส่งผลให้ผู้จัดการกองทุนมีการขยับลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้น ซึ่งดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงจากระดับ 1575 จุดในปัจจุบันได้ราว 5% หรือใกล้ระดับ 1500 จุด ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวังในเรื่องการลงทุนในหุ้นสำหรับเดือนสิงหาคมนี้