ความเสี่ยงจากการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

ความเสี่ยงจากการพัฒนาขีปนาวุธและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ

การที่เกาหลีเหนือทดลองขีปนาวุธพิสัยไกล (Intercontinental Ballistic Missile หรือ ICBM) ถึง 2 ลูก ในหนึ่งเดือน

และจรวดล่าสุดสามารถยิงไปถึงเมือง Denver, LA และ Chicago ของสหรัฐ นั้น เป็นเรื่องที่น่าวิตกอย่างยิ่ง แต่ดูเหมือนว่าตลาดหุ้นก็ยังไม่รับรู้ภัยอันตรายดังกล่าวแต่อย่างใด โดยตลาดหุ้นของเกาหลีใต้เองก็มิได้ปรับตัวลงแต่อย่างใด

นายคิมจองอัน ประธานธิบดีคนปัจจุบันของเกาหลีเหนือนั้น นักวิเคราะห์สรุปว่า มีความมุ่นมั่นที่จะพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ที่เกาหลีเหนือจะสามารถเล็งไปยังเมืองใหญ่ในประเทศสหรัฐให้จงได้ เพราะเขามีความเชื่อว่าอาวุธดังกล่าวจะเป็นหลักประกันความอยู่รอดของตัวเขาเองโดยประเมินจากกรณีของประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุเซน ของอิรักที่ยอมยุติการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์แต่ในที่สุดก็ถูกสหรัฐทำสงครามล้มล้าง และกรณีของประธานาธิบดีกัดดาฟี แห่งลิเบีย หลังยอมยุติการพัฒนาอายุธนิวเคลียร์สหรัฐก็ส่งเสริมให้ประชาชนลุกขึ้นต่อสู้และปฏิวัติโค่นล้มเขาลง และจบชีวิตลงอย่างน่าเวทนา 

ดังนั้น คิมจองอัน จึงได้ทดลองจรวดมาแล้วรวมทั้งสิ้น 84 ครั้ง ตั้งแต่ขึ้นสู่อำนาจในปี 2011 (6ปี) กล่าวคือ เฉลี่ยเดือนละ 7 ลูก ซึ่งสูงมากกว่าช่วงที่พ่อ และปู่ ครองอำนาจคือ 16 ครั้ง (1994-2011) และ 15 ครั้ง (1984-1994) ตามลำดับ

แต่ยังขาดความชัดเจนว่าเกาหลีเหนือมีศักยภาพในการผลิตหัวอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อติดตั้งบนจรวดที่ทดลองดังกล่าวข้างต้นที่ใช้การได้จริงหรือไม่ (เพราะหัวจรวดจะต้องสามารถทนความร้อน ตอนที่ตกลงกลับมา เพื่อจุดระเบิดเมื่อถึงเป้าหมาย) แต่ฝ่ายข่าวกรองสหรัฐเชื่อว่าเกาหลีเหนือสามารถผลิตหัวอาวุธนิวเคลียร์ได้แล้ว 8-10 ลูก 

อีกปัจจัยคือความสามารถในการเล็งเป้าซึ่งยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า เกาหลีเหนือมีศักยภาพในด้านนี้มากน้อยเพียงใด แต่เป็นที่สังเกตว่าความคืบหน้าของเกาหลีเหนือในด้านต่าง ๆ นั้น เร็วเกินกว่าที่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐได้คาดการณ์ไว้ ดังนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ และฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐจึงแสดงความกังวลและไม่พอใจอย่างมาก และมีความเป็นไปได้สูงว่าสหรัฐจะมีมาตรการออกมาตอบโต้ในเร็ววันนี้นอกเหนือไปจากการร่วมซ้อมรบทางอากาศโดยทันทีกับเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตลอดจนการทดสอบการยิงขีปนาวุธโดยระบบ THAAD ของสหรัฐจากฐานทัพที่ Alaska

ทั้งนี้ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ซึ่งเดิมทีมีท่าทีอะลุ้มอล่วยอยากเปิดฉากเจรจากับเกาหลีเหนือ (แต่เกาหลีเหนือไม่ตอบรับ) ต้องเปลี่ยนท่าทีมาขอให้สหรัฐติดตั้งระบบ THAAD เพิ่มขึ้นอีกในเกาหลีใต้ แม้ว่าจีนจะต่อต้านระบบ THAAD อย่างรุนแรงโดยการสั่งจำกัดการเดินทางไปท่องเที่ยวที่เกาหลีใต้ของคนจีน

รัฐสภาสหรัฐเพิ่งเห็นชอบกฎหมายที่บังคับให้ประธานาธิบดีสหรัฐเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่านด้วยคะแนนเสียงที่ท่วมท้นเกินกว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์จะยับยั้ง (Veto) ได้ ซึ่งมีเจตนาหลักในการกดดันและลงโทษรัสเซีย (ซึ่งรัสเซียตอบโต้อย่างรุนแรงโดยสั่งให้ลดจำนวนเจ้าหน้าที่การทูตของสหรัฐที่รัสเซียลงจาก 1,210 คน ให้เหลือ 455 คน เท่ากับจำนวนเจ้าหน้าที่รัสเซียมีอยู่ในสหรัฐ) แต่เกาเหลีเหนือก็ย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย สหรัฐน่าจะยังมีทางเลือกในการตอบโต้เกาหลีเหนือไม่มากและคงได้รับความร่วมมือจากจีนและรัสเซียน้อยมาก

สหรัฐอาจมีทางเลือกหลัก ๆ 3 ทางดังนี้

  1. ที่น่าเป็นไปได้มากที่สุดในเร็ววันนี้คือ การเพิ่มการคว่ำบาตรนิติบุคคลซึ่งสหรัฐเชื่อว่าเป็นนายหน้า หรือให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนือ โดยกระทรวงการคลังสหรัฐจะห้ามมิให้นิติบุคคลดังกล่าวทำธุรกรรมในรูปของเงินเหรียญสหรัฐ เช่นที่ได้ทำแล้วกับนิติบุคคลและธนาคารบางแห่งของจีน ซึ่งจะมีส่วนกดดันเกาหลีเหนือ แต่ Secondary sanction ดังกล่าวย่อมจะทำให้จีนไม่พอใจอย่างมาก
  2. นาย David Roache ประธานบริษัทวิจัย Independent Strategy คาดการณ์ว่า สหรัฐอาจต้องโจมตีเกาหลีเหนือ(เพื่อทำลายศักยภาพทางขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์) ภายใน 6 เดือนข้างหน้า เพราะนาย Roache ประเมินว่าสหรัฐไม่มีทางเลือกอื่นใดที่ดีกว่านี้ แต่แนวทางนี้น่าจะส่งผลให้เกาหลีเหนือตอบโต้อย่างแน่นอน
  3. หนังสือพิมพ์ Wall Street Journal (30 ก.ค.) ประเมินจากท่าทีของผู้อำนวยการข่าวกรอง (CIA) ของสหรัฐ นาย Mike Pompeo ว่า สหรัฐอาจกำลังพิจารณาถึงการล้มรัฐบาลของประธานาธิบดีคิมจองอัน(“Contemplating a goal of regime change in North Korea”) เป็นทางเลือกหนึ่ง 

ทั้งนี้มิได้หมายความว่าสหรัฐจะต้องใช้กำลังไปยึดครองเกาหลีเหนือหรือนำไปสู่การผนวกเกาหลีเหนือภายใต้การปกครองของเกาหลีใต้ โดยประเมินว่าแม้จีนจะแสดงท่าทีอย่างเป็นทางการที่จะไม่ให้ความร่วมมือกับสหรัฐ (โดยกล่าวว่าเป็นปัญหาระหว่างสหรัฐกับเกาหลีเหนือ ไม่เกี่ยวกับจีน) จีนก็อาจพร้อมที่จะสนับสนุนการเปลี่ยนรัฐบาลของเกาหลีเหนือ โดยให้กลุ่มทหารที่ใกล้ชิดกับจีนเข้ามายึดอำนาจ และโค่นล้มนายคิมจองอัน

การคาดการณ์ดังกล่าวข้างต้นอาจผิดพลาดทั้งหมดก็ได้ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ปัญหาเกาหลีเหนือน่าจะเป็นประเด็นที่สหรัฐมองว่าเป็นภัยอันตรายต่อสหรัฐมากที่สุดในขณะนี้