1400 วัน ของการศึกษากับ “ชีวิต”

1400 วัน ของการศึกษากับ “ชีวิต”

ช่วงเวลานี้เป็นการเริ่มต้นชีวิตนักศึกษาใหม่ทุกมหาวิทยาลัย ผมขอฝากให้ท่านผู้อ่านส่งผ่านไปให้ลูกหลานที่เข้าเรียนด้วยนะครับ

ถือว่าเป็นของขวัญ/การรับขวัญนักศึกษาใหม่ก็แล้วกันนะครับ

นักศึกษาควรจะต้องทำความเข้าใจเบื้องต้นว่าการศึกษาไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือที่ใช้ในการประกอบอาชีพเท่านั้น การศึกษาจึงไม่ใช่แค่การเรียนรู้ “ เทคนิค” ของสาขาวิชาหนึ่งๆ หากแต่เป็นกระบวนการที่จะทำให้นักศึกษาได้เข้าใจในธรรมชาติของความรู้ และหวังเอาไว้ว่าเมื่อนักศึกษาจบการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือสูงกว่าจะสามารถสร้าง “ ความรู้” ชุดหนึ่งขึ้นมาได้ 

ที่สำคัญ การศึกษาทั้งหมดจะมุ่งเน้นสร้างความสามารถที่จะ “มองเห็น” การเชื่อมโยงของสรรพสิ่งรอบตัวเพื่อทำให้เข้าใจใน สรรพสิ่ง เพราะธรรมชาติของความรู้ คือ การเชื่อมโยงข้อมูลปลีกๆให้เกิดความหมายใหม่ หรือ เกิดกรอบคำอธิบายที่ทำให้เราเข้าใจในทุกเรื่องที่รายรอบเราอยู่ 

การขาดความเข้าใจในธรรมชาติของความรู้จะทำให้เราไม่สามารถที่จะเรียนรู้ได้ เพราะบรรดาครูบาอาจารย์สอนส่วนใหญ่เป็นชุดของข้อมูลที่ตนเองเรียนรู้มาก ซึ่งหากครูบาอาจารย์ไม่สามารถทำความเข้าใจหรือสร้างการจำกัดความของ “ความรู้” ได้ ก็ยิ่งต้องผลักดันให้นักศึกษาแสวงหาทางคิดและแสวงหาความรู้ด้วยตัวเองให้ได้ 

จำเป็นต้องเน้นให้นักศึกษาเข้าใจว่าพวกท่านทั้งหมดเติบโตมาภายใต้ความล้มเหลวอย่างเป็นระบบของการศึกษาไทย ดังนั้น นักศึกษาส่วนใหญ่จึงมี ความรู้ เฉกเช่นเดียวกับที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายรับรู้กันอยู่ ก็คือ การเรียนรู้เฉพาะที่ครูสอนมาและไม่ได้คิดและเข้าใจเลยว่า “ความรู้” คืออะไร 

การปรับเปลี่ยนตัวเองของนักศึกษาในวันนี้จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เมื่อถึงวันจบการศึกษา นักศึกษาก็จะถามตัวเองว่าเรารู้อะไรมาบ้าง นักศึกษาที่จบแล้วจำนวนมากมักจะโหยหาและเสียดายเวลาในช่วงนี้ที่ได้ได้พยายามสร้าง “ความรู้” เอง 

ในวันนี้ นักศึกษาจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสวงหาแนวทางในการสร้างสรรค์ความรู้เองให้มากขึ้น และต้องตระหนักด้วยว่าการแสวงหาความรู้เองนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเปิด google แล้วลอกข้อความเอามาส่งในชั้นเรียน หากแต่ต้องเข้าใจให้ได้ว่าการเชื่อม “ข้อมูล” ปลีกๆให้เกิดความหมายใหม่ ความเข้าใจใหม่ แก้ปัญหาหรือคำถามที่ตนเองตั้งขึ้นเป็นสิ่งที่ก่อร่างสร้าง “ความรู้” 

หัวใจของการเรียนในมหาวิทยาลัย ก็คือ การทำให้นักศึกษาบรรลุศักยภาพสูงสุดในการ มองเห็นสายสัมพันธ์  ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลให้เกิดความหมายใหม่และการอธิบายใหม่ ไม่ใช่ให้นักศึกษาคิดและเข้าใจได้เฉพาะกรอบหรือการเชื่อมโยงข้อมูลแบบเดิมๆที่ทำกันมา แต่การเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่กลับไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็นหลัก/เป้าหมายหลัก ซึ่งหากทุกมหาวิทยาลัยตั้งเป้าไว้และเริ่มต้นตั้งแต่นักศึกษาเข้าชั้นปีที่หนึ่ง เชื่อได้ว่าเราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเชิงสร้างสรรค์อย่างน่าทึ่งภายใน 4/5/6 ปี ของนักศึกษาในแต่ละรุ่น 

ชีวิตของนักศึกษามีเพียงประมาณ 1400 วัน ซึ่งไม่ยาวนานเลยสำหรับการสร้างสรรค์ศักยภาพในการสร้างพลังจินตนาการเพื่อเอื้อไปสู่การสร้างความรู้ใหม่ หากนักศึกษาไม่เริ่มต้นคิดในวันแรกที่เข้าเรียนก็จะทำให้ทุกอย่างล่าช้าและบางทีจะนำไปสู่การจบการศึกษาที่ไร้การสร้างศักยภาพใดๆ 

นักศึกษาใหม่ต้องเข้าในว่าบรรยากาศความสนุกสนานของการเป็นนักศึกษาใหม่ที่รุ่นพี่ได้พยายามสร้างให้เป็นเงื่อนไขจำเป็นนั้น เป็นเรื่องที่จะทำให้นักศึกษาเป็น “ เด็ก/น้องปีหนึ่ง” ที่ไม่ต้องเรียนรู้อะไรไปหนึ่งปี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย นักศึกษาใหม่เข้าร่วมได้เพียงแต่ต้องตระหนักว่าเราไม่ใช่ “เด็ก” ที่จะเข้ามาหาความสนุกสนานอย่างไร้เหตผล ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งก็ควรจะปลีกตัวออกจากอารมณ์ความรู้สึกแบบน้องปีหนึ่งให้ได้ และเริ่มแสวงหาทางของตนเอง อยากจะบอกว่าหากนักศึกษาปีหนึ่งทำได้ก็จะกดดันให้รุ่นพี่ๆคิดได้บ้างซึ่งก็จะส่งผลดีต่อการศึกษาในมหาวิทยาลัยโดยรวม 

1400 วันไม่ยาวนานเลยนะครับ จงคิดถึงว่าเราควรจะทิ้งอะไรไว้ให้เป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของเรา ไม่อย่างนั้นเมื่อจบไปแล้ว ก็จะมีเพียงความโหยหาสถานที่/เพื่อนๆ/ครูผู้น่ารัก เท่านั้นเอง นักศึกษาจะต้องคำนึงว่าในแต่ละวันของ 1400 วันเราได้ทำอะไรที่มีความหมายอยู่บ้าง ไม่ใช่อยู่แต่กับความสนุกสนานและหายใจทิ้งไปวันๆเท่านั้น 

การศึกษาจึงเป็นเรื่องของ “ชีวิต” ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องแค่การเรียนรู้ “เทคนิค” ของวิชาหนึ่งๆเท่านั้น และไม่ใช่เรื่องของ “ชีวิต” ปัจเจกชน หากแต่ผูกพันแนบแน่นไปถึง ชีวิตของสังคมด้วย เพราะเราทุกคนไม่มีทางที่จะมีชีวิตที่สงบสุข งดงาม ในสังคมที่ปราศจากการสร้างสรรค์ ความรู้ที่มีพลังในการอธิบายสรรพสิ่ง 

ขอฝากความหวังไว้กับนักศึกษาปีหนึ่งในปีนี้ครับ