รีดภาษีแอลกอฮอล์ กระเทือนธุรกิจ?

รีดภาษีแอลกอฮอล์ กระเทือนธุรกิจ?

ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ มีเรื่องให้ต้องสะดุ้งกันอีกครั้ง เมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)วันที่ 1 ส.ค. ที่ผ่านมา

เห็นชอบปรับเพิ่มภาษีสุรา เบียร์-ยาสูบอีก 2 % เพื่อนำเงินดังกล่าวไปใช้ในกองทุนผู้สูงอายุ เป็นการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย รับกับแนวโน้มของประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ

เรื่องนี้แน่นอนว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนจะต้องเผชิญ การรีดภาษีบาป อยู่เป็นระยะ ตั้งแต่การจัดเก็บภาษีเหล้าและบุหรี่เพิ่มเติมในอัตรา 1.5% ต่อปี เพื่ออุดหนุนทีวีสาธารณะ และจัดเก็บเข้ากองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ 2% เป็นต้น

ประเด็นดังกล่าว ในมิติทางสังคม อาจได้รับความเห็นชอบ ที่จะนำภาษีบาปไปช่วยเหลือภาคส่วนต่างๆ แต่มิติของผู้ประกอบการ ความเห็นจากธนากร คุปตจิตต์นายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย ระบุว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงจากการเก็บภาษีทางอ้อมในลักษณะดังกล่าว คือการกระทบวินัยทางการคลัง เพราะหากในอนาคตรัฐต้องการเงินอุดหนุนต่างๆ อาจมาเรียกเก็บเพิ่มเติมเรื่อยๆหรือไม่อย่างไร

กระนั้น ภาคธุรกิจก็ตั้งคำถามว่า การเก็บภาษีจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปเข้ากองทุนผู้สูงอายุ ช่วยเหลือคนชรานั้น มีความสอดคล้องกับธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพียงใด

แม้การรีดภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ครั้งนี้ จะยังไม่มีผลบังคับใช้ เพราะตามกระบวนการต้องผ่านขั้นตอนสำนักงานกฤษฏีกา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) เห็นชอบ คาดว่าปี 2561 จึงจะมีผลกระทบ

แต่หากคาดการณ์ล่วงหน้า ที่จะกระทบคงจะเป็นเรื่องของ ราคาสินค้า ที่อาจปรับขึ้น 

เพราะท้ายที่สุด ไม่ว่ารัฐจะปรับขึ้นภาษีในรูปแบบใด ก็จะถูกผนวกในโครงสร้างของต้นทุนราคาสินค้าอยู่แล้วส่งผลให้ราคาขายปลีกปลายทางเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ขณะที่ในมุมการบริโภค ที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐจะขึ้นภาษีกี่ครั้ง การบริโภคก็ไม่ได้ลดลงมากนัก

ทั้งนี้ ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ค่อนข้างมีแรงเสียดทานในการขับเคลื่อนธุรกิจมาก โดยเฉพาะเรื่องภาษีที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ไม่เท่านั้นยังมีพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551ในบางมาตรา ที่ระบุเรื่องการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นไป การโฆษณาที่ชักจูงเชิญชวนหรือโน้มน้าวให้ซื้อหรือบริโภคเครื่องดื่ม เป็นต้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้กำลังร้อนแรงในสังคม เพราะมีทั้งการปรับ จับกันจริงจัง ที่สำคัญยังมีรางวัลนำจับให้กับผู้ชี้เป้าแจ้งเบาะแส

นอกจากนี้ วันที่ 16 ก.ย.นี้ ผู้ประกอบการยังต้องลุ้นอัตราการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่ด้วย ว่าจะส่งผลต่อภาระภาษีที่เพิ่มขึ้นหรือไม่เพราะที่ผ่านมาพูดเรื่องภาษีทีไร ภาคธุรกิจต้องจ่ายมากขึ้นเสมอ

จุดนี้เรียกว่าเป็น วิกฤติที่ "ธนากร" บอกว่า "วิกฤติตรงความไม่ชัดเจน“ ไม่ว่าจะเป็นการตีความการโฆษณา การห้ามถ่ายภาพคู่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

แม้ภาคธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเจอเรื่องเหล่านี้อยู่เสมอ แต่ธุรกิจก็ยังเดินต่อไปได้ แต่ก็ออกอาการเหนื่อยเล็กน้อย แต่ก็ต้องปรับตัวกันไป

ส่วนการรีดภาษีบาปครั้งนี้ กระเทือนใคร! กระทบแค่ไหนต้องติดตามในวันดีเดย์”