จับตาอาหารอาเซียนในจีน

จับตาอาหารอาเซียนในจีน

นิธิปรียา จันทวงษ์ เจ้าหน้าที่สื่อสารสังคม สกว.

สำนักประสานงานชุดโครงการการพัฒนาผลิตภัณฑ์ Innovative House ฝ่ายอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ได้รับเชิญจากหอการค้าฝรั่งเศส-ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่สุดในเอเชีย “SIAL CHINA 2017” ณ ศูนย์นิทรรศการนานาชาตินครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถือเป็นงานแสดงสินค้าด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของโลก จัดขึ้นมานานกว่า 17 ปี มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 80,000 คนจาก 67 ประเทศทั่วโลก

นับเป็นโอกาสดีที่สำนักประสานงานฯ สกว. จะได้นำผลิตภัณฑ์ที่มีความพร้อมและต้องการส่งออกสินค้าไปจีน ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทำวิจัยร่วมกับชุดโครงการไปทดลองตลาดในครั้งนี้รวม 5 บริษัท ทั้งนี้จากการไปร่วมแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารไทยให้กับต่างชาติรู้จักในการออกแสดงสินค้าในหลาย ๆ ครั้ง พบว่าบางผลิตภัณฑ์ยังไม่เป็นที่รู้จักของผู้บริโภคต่างชาติโดยเฉพาะชาวจีนซึ่งเป็นประชากรที่มีกำลังซื้อสูง จึงจำเป็นต้องมีการแนะนำผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และนำข้อมูลมาปรับปรุงเพื่อให้สามารถตอบสนองต่อการส่งออกผลิตภัณฑ์ต่อไป นอกจากนี้ผู้ประกอบการไทยยังได้ศึกษาดูนวัตกรรมผลิตภัณฑ์หรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมอาหารของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมถึงร่วมเวทีจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับเทรดเดอร์ เพื่อสร้างโอกาสในการส่งออกสินค้าอีกด้วย

ในงานนี้เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์นวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านอาหารระดับโลก ซึ่ง สกว.คาดหวังว่าการเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้จะช่วยยกระดับ GPD ของประเทศด้วยการสร้างนวัตกรรมภายใต้เอสเอ็มอี และเพิ่มมูลค่าการส่งออกเอสเอ็มอีให้กับประเทศ รวมถึงการสร้างสินค้าที่มีนวัตกรรมตามนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล รศ. ดร.พงศ์พันธ์ แก้วตาทิพย์ ผู้อำนวยการฝ่ายอุตสาหกรรม สกว. กล่าวย้ำถึงวัตถุประสงค์ของการร่วมงานในครั้งนี้

ตลอดระยะเวลา 3 วันของงานแสดงสินค้า ผลิตภัณฑ์จาก สกว.ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการและตัวแทนจำหน่ายเป็นอย่างดี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ชาสมุนไพรออแกนิกเพื่อสุขภาพบรรจุซองพร้อมชง “เรวดี” ที่มียอดจำหน่ายและการเจรจาธุรกิจค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจ โดยสูตรชาที่จำหน่ายได้มากที่สุด คือ ชากุหลาบและกระเจี๊ยบ ที่มีสรรพคุณช่วยลดความดันและน้ำตาลในเส้นเลือด ด้วยเหตุผลว่ามีความใกล้เคียงกับชาของจีนมากที่สุด ดอกกุหลาบเป็นที่รู้จักของสากล ในขณะที่คนรุ่นใหม่จะให้ความสนใจชาลาเวนเดอร์และอัญชัน ที่ช่วยผ่อนคลายและนอนหลับง่ายขึ้น นอกจากตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพในประเทศแล้ว ทางบริษัทยังส่งออกชาเรวดีไปจำหน่ายในประเทศตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อังกฤษ และกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา และขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาผ่านตัวแทนจำหน่ายเพื่อขยายธุรกิจในประเทศบรูไน รวมถึงเจรจากับผู้บริหารของฟู้ดแลนด์ และคิง พาวเวอร์ เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย

ส่วนผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวอบแห้งเพื่อสุขภาพ เวล-บี ที่มีวัตถุดิบหลัก ได้แก่ ถั่วเหลือง งาดำ ฟักทอง แครอท และกล้วยน้ำว้า มีผู้สนใจติดต่อธุรกิจด้วยเกือบ 50 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจจีน นอกจากนี้ยังมีเทรดเดอร์จากสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์และฮ่องกงให้ความสนใจเช่นกัน

สินค้าที่คนนิยมมากที่สุด คือ ขนมอบแห้งรสทุเรียนและสตรอว์เบอร์รี รสชาติที่อร่อย บรรจุภัณฑ์แบบซองขนาดเล็กที่มีความสะดวกต่อการพกพาและรับประทานง่าย เช่นเดียวกับทองม้วนสอดไส้ช็อกโกแลตขาวผสมกลิ่นรสทุเรียน และข้าวต้มมัดไส้ทุเรียนสเตอริไรส์บรรจุถุงรีทอร์ทเพาช์ซึ่งเป็นบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัวทำจากฟิล์มหลายชนิด ทนต่อความร้อนและความดันสูงได้ ทั้งนี้เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่คนจีนชื่นชอบเป็นอย่างมาก

พูดถึง ราชาแห่งผลไม้ อย่างทุเรียนแล้ว จากการเดินสำรวจสินค้าอาหารและเครื่องดื่มในงานนี้ จะพบว่ามีหลายประเทศจากเอเชียที่นำทุเรียนมาแปรรูป โดยเฉพาะบริษัท Foods Wise Network SDN BHD จากประเทศมาเลเซีย ที่นำสารพัดขนมแปรรูปจากทุเรียนมาทดสอบตลาด ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปา กาแฟ ไอศกรีม บัวลอย โมจิ แพนเค้ก ทุเรียนอบแห้ง ทำให้ชาวจีนแวะเวียนเข้ามาชิมกันไม่ขาดสาย ที่สำคัญ “โมจิสอดไส้ทุเรียน” ยังได้รับเลือกให้เป็น “SIAL INNOVATION CHINA 2017” ประเภทผลิตภัณฑ์จากทุเรียน ซึ่งตัวแทนจำหน่ายของ Foods Wise Network SDN BHD บอกว่า จริง ๆ แล้วผู้บริโภคนิยมทุเรียนไทยมากกว่า เพราะรสชาติดีกว่า แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียนของไทยยังมีอยู่น้อยมาก

นอกจากผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียนแล้ว มาเลเซียยังมีกาแฟขาวนำเมล็ดกาแฟมาคั่วกับมาการีน ซึ่งมีมานานกว่า 50 ปี ปัจจุบันกาแฟขาวของมาเลเซียได้รับการยอมรับจากตลาดต่างประเทศในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อเมริกา จีน ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับเป็นกาแฟเทรนด์ใหม่ที่มาแรงและเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของผู้หลงใหลการดื่มกาแฟ นอกจากนี้ยังมีชาเย็นและช็อกโกแลตบรรจุซอง เครื่องแกงสำเร็จรูป

ส่วนผลิตภัณฑ์ของประเทอื่น ๆ ในกลุ่มอาเซียนจากการสำรวจของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ สกว. ในงานนี้ ไม่มีความโดดเด่นไปกว่าประเทศไทย ทั้งในเรื่องนวัตกรรมและรสชาติของผลิตภัณฑ์ โดยอินโดนีเซียมีบะหมี่อบแห้งและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรสชาติจัดจ้านด้วยเครื่องเทศตามแบบฉบับ รวมถึงแครกเกอร์ บิสกิต และคุ้กกี้ต่าง ๆ ส่วนสิงคโปร์มีผลิตภัณฑ์จากเมล็ดอัลมอนด์และช็อกโกแลต

ดูเหมือนว่าไทยจะมีความทันสมัยของงานวิจัยและนวัตกรรมที่มาสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์มากกว่าติอื่น ในอาเซียน นับเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ผู้ประกอบการไทยจะคิดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อาหารต่าง ๆ จากทุเรียน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะตลาดชาวจีนทั่วโลกที่นิยมชมชอบผลไม้ชนิดนี้ยังมีอยู่อีกมาก